นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ไฮด์ (IHL) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมขยายไลน์ธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังให้กับอุตสาหกรรมรองเท้า โดยล่าสุดได้รับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)จาก Wolverine World Wide,Inc.,a Delaware Corporation พันธมิตรจากสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตรองเท้าจำหน่ายไปยังทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ WOLVERINE, HARLEY-DAVIDSON FOOTWEAR, CUSHE และ HUSH PUPPIES เป็นต้น ซึ่งมีการเซ็นสัญญาลงนามความเข้าใจ (MOU) กันในวันนี้
การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนต่อยอดของบริษัท โดยใช้พื้นที่การผลิตในส่วนอาคารเดิมที่มีอยู่ และได้เพิ่มเติมเครื่องจักรใหม่บางส่วนรองรับยอดการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนที่ประมาณ 30 ล้านบาท และเบื้องต้นวางเป้ารายได้จากธุรกิจดังกล่าว 5% ของรายได้รวมในปีนี้ และคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นถึง 20% ได้ในอนาคต
"คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เฟสแรกจะเริ่มซัพพลายหนังให้ Wolverine 5 แสนฟุต/เดือน และเชื่อว่าในอนาคตจะส่งซัพพลายให้มากขึ้น การแตกไลน์ในธุรกิจนี้เนื่องจากมองว่าเป็นการลดความเสี่ยงจากธุรกิจรถยนต์ที่มีปัญหาช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับมาร์จิ้นของสินค้าแฟชั่นอยู่ในระดับสูง"นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า การขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมหนังรองเท้า นอกเหนือจากอุตสาหกรรมหลักที่ผลิตเบาะหนังป้อนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันเป็นการลดความเสี่ยงในธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
“ธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ของบริษัทฯ ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และได้มีโอกาสกับพันธมิตรคือ Wolverine World Wide,Inc.,a Delaware Corporation และได้เจรจากันตกลงผลิตหนังรองเท้าตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยถือเป็นธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจนี้ไม่ได้รุนแรง เนื่องจากทำภายใต้แบรนด์ของลูกค้า ซึ่งมีชื่อเสียง และมีฐานลูกค้ากว้างขวางอยู่แล้ว"นายองอาจ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 54 บริษัทยังวางเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,873.83 ล้านบาท เนื่องจากยอดผลิตเบาะหนังในธุรกิจยานยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายหลังค่ายรถยนต์โตโยต้ากลับมาผลิตได้เต็มกำลังผลิตตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้คำสั่งซื้อของบริษัทเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน และจะผลักดันผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังการผลิตของบริษัทเริ่มกลับมาเป็นปกติที่ 100% แล้ว หลังจากช่วงเดือน พ.ค.กำลังการผลิตลดลงไปเหลือ 50% จากผลกระทบของคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ หายไปจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น ดังนั้น คาดว่ากำไรในไตรมาส 3/54 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/54 ที่กำไรและรายได้ลดลงตามออเดอร์ที่หดหายไป
บริษัทเชื่อว่าภายในสิ้นปี 54 กำลังการผลิตเบาะหนังรถยนต์จะอยู่ที่ 3.5 ล้านฟุต/เดือน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 2.7 ล้านฟุต/เดือน และในปี 55 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านฟุต/เดือน