นายธีรพล นพรัมภา ประธานคณะกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.หรือ AOT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้มีมติเห็นชอบแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.)ตามข้อเสนอแนะของ ICAO โดยก่อสร้างกลุ่มอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณการราคาเบื้องต้น 9,133.520 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 44 เดือน (ปีงบประมาณ 53-56)
ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับปริมาณการเติบโตของผู้โดยสารภายในประเทศได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้ 45 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารภายในประเทศได้จนถึงปี 62 ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาที่ปัจจุบัน ทสภ. มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปี โดยในปี 53 มีผู้โดยสารใช้บริการรวม 42.78 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 46.28 ล้านคน
หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.ของปี 53 และปี 54 พบว่ามีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.47 และ 37.96 ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดความแออัด ไม่สะดวกสบายในการใช้บริการ รวมทั้งเกิดความล่าช้าต่อเที่ยวบินด้วย
คณะกรรมการฯ ยังได้มอบหมายให้ ทอท.ศึกษารายละเอียดและความเหมาะสมของแนวทางดำเนินการดังกล่าว โดยพิจารณาประกอบกับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีงบประมาณ 54-60 ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และแนวทางการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมือง และนำเสนอโครงการทั้งหมดให้คณะกรรมการ ทอท.พิจารณาต่อไป
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบรายละเอียดของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ปีงบประมาณ 53-57 จัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ ทภก.ให้รองรับผู้โดยสารได้ 12.5 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศได้ถึงปี 61 มีประมาณการเงินลงทุน 5,789.802 ล้านบาท พร้อมกับแผนดำเนินการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อลดความแออัด
ประกอบด้วย 6 กลุ่มงาน ดังนี้ 1.กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างเขตปฏิบัติการการบิน ได้แก่ ทางขับ ลานจอดอากาศยาน และการขยายระบบเติมน้ำมันอากาศยานทางท่อ 2. กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและอาคารสนับสนุน ได้แก่ อาคารผู้โดยสาร ระหว่างประเทศ อาคารจอดรถยนต์ อาคารสำนักงาน และการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมเป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
3. กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างอาคารเพื่อทดแทน ได้แก่ อาคารคลังสินค้า อาคารบริการลานจอด และอุปกรณ์ภาคพื้น และอาคารสถานีดับเพลิงและกู้ภัย 4.กลุ่มงานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ ได้แก่ ระบบถนนภายในท่าอากาศยาน ระบบสาธารณูปโภคท่าอากาศยาน และอาคารสำนักงานส่วนบำรุงรักษา และคลัง ทภก. 5.กลุ่มงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 6.กลุ่มงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (PMC)
การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนระหว่างดำเนินโครงการเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ทอท.จึงได้ดำเนินโครงการลดความแออัดของผู้โดยสารและเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.54 ดังนี้ การปรับปรุงพื้นที่อาคารผู้โดยสาร เช่น การปรับปรุงพื้นที่สำหรับห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ที่เป็น Bus Gate การปรับปรุงชานชาลาห้องโถงผู้โดยสารขาออก บริเวณชั้น 1 และ 2 และการปรับปรุงห้องสูบบุหรี่ห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ
การปรับเปลี่ยนและเพิ่มเก้าอี้พักคอยผู้โดยสาร บริเวณพื้นที่โถงขาออก การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ระบบสายพานรับ — ส่งกระเป๋า สะพานเทียบเครื่องบินและระบบไฟนำจอดอากาศยาน (Docking Guidance Sign) ระบบตรวจวัตถุแบบเดินผ่าน (Walk though) ระบบกล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย (CCTV) การปรับเปลี่ยนสุขภัณฑ์ และการพิจารณาการใช้หลุมจอดอากาศยานและ Check In Counter
นายธีรพล กล่าวว่า คณะกรรมการยังอนุมัติผลการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แทนนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ที่หมดวาระลงหลังจากคณะกรรมการสรรหาได้สัมภาษณ์ผู้สมัคร 3 ราย พบว่า ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. รองลงมานายณัฐศิลป์ จงสงวน ที่ปรึกษาการเงินบริษัทพริ้นซิเพิล เวนเจอร์ ประเทศไทย และพ.ต.ท.ไพโรจน์ ปัญจประทีป อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการจะมีการต่อรองผลอบแทนกับว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ และคาดว่าจะอนุมัติให้เริ่มทำงานได้ในเดือนส.ค.