ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 59.67 จุดหลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 24, 2011 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นเกินคาด และยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงในเดือนพ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากที่ตลาดถูกกดดันอยู่ก่อนแล้วจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 59.67 จุด หรือ 0.49% แตะที่ 12,050.00 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.64 จุด หรือ 0.28% แตะที่ 1,283.50 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 17.56 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 2,686.75 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีปีนี้ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% จากระดับ 3.1-3.3% และปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีหน้าลงสู่ระดับ 3.3-3.7% จากระดับ 3.5-4.2% พร้อมกับปรับเพิ่มอัตราว่างงานปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 8.6-8.9% จากระดับ 8.4-8.7%

นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.พุ่งขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 429,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 415,000 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับที่เบอร์นันเก้ได้แสดงความกังวลว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอ่อนแอ

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค.ร่วงลง 2.1% สู่ระดับ 319,000 ยูนิต/ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงซบเซา

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากมีรายงานว่าคณะรัฐมนตรีกรีซมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งจะทำให้กรีซได้รับเงินกู้เพิ่มเติมจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะเดียวกันมีรายงานว่า แผนรัดเข็มขัดระยะ 5 ปีของกรีซได้รับการอนุมัติจากคณะผู้ตรวจสอบของอียูและไอเอ็มเอฟแล้ว ซึ่งแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการขึ้นภาษีและลดงบประมาณการใช้จ่าย

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดิ่งลงกว่า 4 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวที่ว่าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เตรียมระบายน้ำมันดิบบางส่วนจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เข้าสู่ตลาด เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานพลังงานตึงตัวที่เป็นผลมาจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในลิเบีย

อย่างไรก็ดี การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มอาหาร เนื่องจากนักลงทุนมองว่าราคาพลังงานที่ลดลงจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงด้วย โดยหุ้นเน็ทฟิกซ์ปิดบวก 0.4% หุ้นเม็กซิกัน กริลล์ ปิดบวก 2.2%

นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันยังช่วยหนุนหุ้นสายการบินดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้ง และหุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 4%

นักลงทุนจับดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาแรกครั้งสุดท้ายในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 1.9% เทียบกับที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ 1.8% นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อจะขยายตัว 1.5% หลังจากหดตัวลง 3.6% ในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ