ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 มิ.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ต่อจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5674.38 จุด ร่วงลง 98.61 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 ต่อมาจาก QE2 ที่จะหมดอายุลงในปลายเดือนนี้ แม้เบอร์นันเก้และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายนประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง ลงสู่ระดับ 2.7-2.9% ในปี 2554 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.1-3.3% และได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีหน้าลงสู่ระดับ 3.3-3.7% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.5-4.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานอีซีบี เตือนว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคารของยุโรป
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลงกว่า 3%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.2% หุ้นบีพีดิ่งลง 2.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง6.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เพราะได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายน้ำมันดิบ 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังยุทธภัณฑ์สำรองเพื่อบรรเทาภาวะอุปทานตึงตัวในตลาด
หุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลงตามราคาโลหะในตลาดลอนดอน โดยหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดร่วง 3.4% หุ้นเอ็กสตราต้าปิดลบ 3.6% และหุ้นเวแดนตาปิดร่วง 6.9%