ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วง 115.42 จุด หลังมูดีส์ขู่หั่นเครดิตแบงก์อิตาลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday June 25, 2011 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามเป็นวงกว้างในยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในอิตาลี ซึ่งข่าวดังกล่าวนอกจากจะฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงแล้ว ยังทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นอิตาลีดิ่งลงอย่างหนักด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสากรรมดาวโจนส์ร่วงลง 115.42 จุด หรือ 0.96% ปิดที่ 11,934.58 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 15.05 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,268.45 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 33.86 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 2,652.89 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวปัญาหาหนี้ยุโรประลอกใหม่ เมื่อมูดีส์ประกาศเครดิตพินิจสำหรับธนาคารเอกชน 16 แห่งของอิตาลี และสถาบันการเงินของรัฐบาลอิตาลีอีก 2 แห่ง โดยระบุว่าธนาคารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

การประกาศเครดิตพินิจให้กับธนาคารอิตาลีมีขึ้นหลังจากมูดีส์ได้ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิตาลี โดยเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากเศรษฐกิจอิตาลีขยายตัวเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะมีอยู่สูงถึง 120% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป

หุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลงอย่างหนักจากข่าวดังกล่าว โดยหุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับหนึ่งของอิตาลีร่วงลงถึง 8% ขณะที่หุ้นอินเทลซา ซานเปาโล ธนาคารรายใหญ่อันดับสอง และหุ้นธนาคารมอนเต ปาสชี ดิ่งลงด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข่าวมูดีส์ขู่ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารอิตาลีได้บดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศปรับเพิ่มการประมาณการอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาสแรกปีนี้เป็น 1.9% จากการประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 1.8% เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนปรับเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลัง

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี ดีดตัวขึ้น 1.9% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 3.6 พันล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ ดิ่งลง 14.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าการร่วงลงของยอดขายชิพคอมพิวเตอร์ได้ฉุดผลประกอบการหดตัวลงด้วย ขณะที่หุ้นออราเคิล คอร์ป ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ร่วงลงอย่างหนัก หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ อิงค์ ปิดร่วง และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ปิดลบ 1.3%

นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี S&P 500 อาจจะร่วงลงแตะระดับ 1,200 จุดในฤดูร้อนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเอกชนเริ่มทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาสสอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ