BSBM รับปีนี้ขายพลาดเป้า 1.5-2แสนตัน รอรัฐปล่อยขึ้นราคาก่อนนำเข้าเหล็ก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 28, 2011 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระวิทย์ ดุละลัมพะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยอมรับว่ายอดขายปีนี้จะทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.5-2.0 แสนตัน จากปีก่อนมียอดขายกว่า 9 หมื่นตัน แต่ในแง่ของราคาขายจะดีขึ้นกว่า 10%จากปีก่อน เป็นไปตามราคาตลาด ส่วนกำไรสุทธิยังประเมินยากเพราะต้นทุนวัตถุดิบสูง ช่วงนี้ชะลอการผลิตจากการหยุดนำเข้าวัตถุดิบหรือ Billet และรอกระทรวงพาณิชย์ปรับขึ้นราคาเหล็กเสียก่อน

"เป้าการขายปีนี้ก็มีผล การที่เราไม่รีบขายเพราะไม่มีวัตถุดิบ ปริมาณขายที่ตั้งไว้ 1.5-2 แสนตันในปีนี้ก็อาจจะพลาดเป้า ซึ่งขอประเมินผลในครึ่งปีแรกก่อน รอให้ผลประกอบการออก แต่โดยรวมคาดว่าครึ่งแรกปีนี้ปริมาณขายน่าจะสูงกว่า 5 หมื่นตัน สูงกว่าครึ่งแรกปีที่แล้วไม่ถึง 5 หมื่นตัน รอดูสิ้นเดือนนี้จะส่งมอบของได้เท่าไร"นายวีระวิทย์ กล่าว

ในส่วนของกำไรสุทธิคาดการณ์ยากจะดูที่ปริมาณขายและราคาไม่ได้ ต้องดูที่ต้นทุนที่ได้มาด้วยขึ้นอยู่กับว่า Billet ที่ได้มาผลิตแล้วขายช่วงไหน ส่วนต่างราคาที่นำเข้าและราคาขายในประเทศ ค่าการรีด ตรงนี้จะมีผลต่อกำไรด้วย

อนึ่ง ในปี 53 รายได้บริษัทอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 153.4 ล้านบาท

นายวีระวิทย์ กล่าวว่า ระหว่างนี้บริษัทรอกระทรวงพาณิชย์พิจารณาปรับขึ้นราคาเหล็กหลังวัตถุดิบนำเข้ามีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาขายเพราะตอนนี้ใกล้ชนราคาเพดานที่ 24 บาท/ก.ก.แล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการไม่กล้าสั่งวัตถุดิบนำเข้าเพราะปัจจุบันราคาวัตถุดิบสูง อยู่ที่ 670-680 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

"ถ้าไม่ปรับราคาขายก็มีความเสี่ยง เพราะราคาที่ถูกบังคับอยู่ค่อนข้างจะตึง เมื่อผู้ประกอบการไม่มั่นใจไม่สั่งวัตถุดิบจะมีผลให้เหล็กขาดตลาด ซึ่งก็จะกระทบผู้บริโภคเพราะผู้ประกอบการไม่สั่ง ตอนนี้เหล็กในสต็อกเราเหลือน้อยไม่ถึง 2 หมื่นตัน ถ้าขายจริงๆ 1 เดือนกว่าก็หมดแล้ว แต่เราก็ไม่ได้รีบขายถ้าไม่ได้ราคา ไม่ได้กักตุน แต่ไม่รีบขายก็ไม่ได้เป็นภาระ 2 หมื่นตันถ้าในช่วง 2 เดือนนี้ยังหาวัตถุดิบไม่ได้ในราคาที่สมเหตุสมผลก็จะส่งผลต่อสต็อก ซึ่ง 3-4 เดือนแล้วที่เราไม่ได้นำเข้าเพราะราคาในประเทศค่อนข้างต่ำเทียบกับต้นทุนวัตถุดิบ" ผู้บริหาร BSBM กล่าว

สำหรับราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/54 ดีกว่าไตรมาส 1/54 ประมาณ 0.50 บาท/ก.ก.หรือ 22.50 บาท/ก.ก.ส่วนปริมาณขายน่าจะมากกว่าไตรมาส 2/53 ที่ 2.2 หมื่นตัน อย่างไรก็ตามราคาเหล็กในประเทศอ่อนตัวแต่ราคาในต่างประเทศค่อนข้างสูงเพราะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์จะมีทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน โลหะทองคำ

นายวีระวิทย์ กล่าววา ดีมานด์ในประเทศตั้งแต่ต้นปีดี แต่ยอมรับว่ากลางปีนี้ค่อนข้างเงียบ อาจไม่แน่ใจผลทางการเมืองจะส่งผลต่อภาวะการลงทุนจริงได้เพราะรู้สึกภาพรวมมีการชะลอทุกอุตสาหกรรม ดูจากลูกค้าที่เป็นดีลเลอร์บอกว่าช่วงนี้เงียบๆ ไม่เฉพาะอุตสาหกรรมไหน เพราะเราขายให้ดีลเลอร์ซึ่งไปขายให้กับพวกทั้งก่อสร้างบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รถไฟฟ้าต้องใช้เหล็กทั้งสิ้น ปีนี้มีงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะสร้างเป็นสายถัดไปสีก็น่าจะมีการก่อสร้างได้ต่อเนื่องที่ช่วยค้ำจุนตลาดให้ปริมาณการใช้เหล็กไม่ลดลง ชดเชยโครงการลงทุนภาคเอกชนที่หายไปมากพอควร

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทไม่มีหนี้การบริหารงานหรือปรับกลยุทธ์ต่างๆ ก็จะง่าย ปีนี้ไม่มีโครงการลงทุนใหม่ ทั้งนี้ บริษัทมีกำลังการผลิตคงเดิม ที่ 7.2 แสนตัน/ปี ยังไม่มีความจำเป็นต้องขยายกำลังการผลิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ