นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าทีบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า จากปัญหาท่อก๊าซรั่วส่งผลต่อกำไรสุทธิของบริษัท เนื่องจากจะต้องมีการซ่อมบำรุง และการนำเข้าน้ำมันเตาซึ่งราคาสูงกว่าก๊าซธรรมชาติ แต่อยู่ระหว่างประเมินตัวเลขความเสียหาย ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา
"คงกระทบกำไรบ้างนิดหน่อย ก็คงเหมือนเคส PTTEP ที่มีปัญหาที่ออสเตรเลีย ซึ่งก็สามารถแก้ไขได้ และเราก็เชื่อว่าปัญหาของเราจะสามารถแก้ไขได้ในเวลาอันรวดเร็ว"นายประเสริฐ กล่าว
ในขณะนี้ ปตท.มีแผนนำเข้าน้ำมันเตา 30 ล้านลิตรจากสิงคโปร์เพื่อสำรองไว้ หลังเกิดเหตุการณ์ท่อก๊าซรั่ว หลังจากที่บริษัทมีน้ำมันเตาสำรองไว้แล้ว 50 ล้านลิตร
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าการผลิตไฟฟ้าในประเทศยังคงเดินหน้าได้โดยไม่มีผลกระทบจากการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ เพราะในอดีตการผลิตไฟฟ้าในไทยใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยคาดว่าจะใช้เวลานำเข้าประมาณ 3-4 วัน และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ก็สามารถให้บริษัทในเครือ เช่น บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ผลิตได้
"ตอนนี้เราประเมินสถานการณ์ คงต้องใช้น้ำมันเตาประมาณ 300 ล้านลิตร หากสถานการณ์ยืดเยื้อไป 30 วัน แต่เบื้องต้น ปตท.เชื่อว่าการแก้ปัญหาพูดกันเป็นสัปดาห์ดีกว่า คงไม่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน และตอนนี้อยู่ระหว่างรอนำเข้าอุปกรณ์บางตัวจากสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าพรุ่งนี้จะมาถึง" นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับการแก้ปัญหารอยรั่วของท่อก๊าซเส้นที่ 1 เชื่อว่า จะไม่ลุกลามไปยังท่อส่วนอื่น เนื่องจากรูรั่วไม่ได้อยู่ในท่อหลัก ขณะนี้มีการวางแผนให้นักประดาน้ำ ลงไปดูสภาพรอยรั่ว ซึ่งมีความลึกถึง 60 เมตร และมีการศึกษาที่จะนำเข้าอุปกรณ์นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา และหลังจากนี้ ปตท.ศึกษาแผนการรองรับสถานการณ์ท่อก๊าซรั่ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต