SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,029.85 จุด เพิ่มขึ้น 16.35 จุด(+ 1.61 %)มูลค่าการซื้อขาย 13,105.23 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวในแดนบวกตามดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด หลังปัญหากรีซคลี่คลายในทิศทางที่ดี อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มแบงก์บวกแรง จากเก็งกำไรงบ Q2/54 ก่อนมีการเลือกตั้งเข้ามาสนับสนุน มองตลาดในช่วงบ่ายมีโอกาสบวกต่อ แต่คงไม่แรงเท่ากับช่วงเช้า พร้อมให้แนวรับที่ 1,020 จุด แนวต้าน 1,050 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,029.85 จุด เพิ่มขึ้น 16.35 จุด(+1.61%)มูลค่าการซื้อขาย 13,105.23 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,019.85 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,029.25 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีส กล่าวว่า ภาวะหุ้นไทยปิดตลาดในช่วงเช้าแกว่งตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพราะประเมินไว้แล้วว่าประเด็นปัญหาของกรีซจะสามารถจัดการได้ จึงส่งผลต่อ sentiment ของทุกตลาดและดัชนีดาวโจนส์ก็ขึ้นมากว่า 100 จุด ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นภูมิภาค รวมทั้งตลาดหุ้นไทย อีกทั้งได้ปัจจัยเสริมจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มผลักดันให้เกิดแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานกลับมา จากก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง
ส่วนปัจจัยในประเทศ กรณีท่อก๊าซฯ ของบมจ.ปตท.(PTT)รั่วนั้น นักลงทุนไม่ได้กังวล เพราะมองว่าผลกระทบไม่ได้รุนแรง แม้จะอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบความเสียหายและหาสาเหตุ รวมถึงหาผู้รับผิดชอบ จึงส่งผลทำให้มีแรงกลับเข้ามาลงทุนเพิ่ม นอกเหนือนั้น นักลงทุนบางส่วนเข้ามาเล่นเก็งกำไรก่อนการเลือกตั้ง รวมถึงเก็งงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/54 ด้วย อย่างไรก็ตาม หากตลาดทดสอบไปที่ 1,030-1,035 จุด ก็มีโอกาสที่จะไปที่ 1,050 จุดได้
"ตอนนี้นักลงทุนเล่นหุ้น จากประเด็นเดิม ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่มีประเด็นใหม่ๆ บางส่วนก็เก็งกำไรก่อนการเลือกตั้ง เพราะไม่รู้จะเกิดอะไร แต่ถ้าเรามองเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งดัชนีมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นไปต่อได้ ดังนั้น หากหุ้นอ่อนตัวลงก็เป็นจังหวะที่ดีในการทยอยซื้อ"นายปริญทร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ มีโอกาสทดสอบ 1,030 -1,035 จุด ตลาดฯคงจะแกว่งไซต์เวย์ ติดตามตลาดต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 1,020 จุด แนวต้าน 1,050 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,507.09 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,101.61 ล้านบาท ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 935.17 ล้านบาท ปิดที่ 109.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 904.16 ล้านบาท ปิดที่ 18.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท
PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 593.61 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท