ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 72.73 จุดหลังกรีซไฟเขียวแผนรัดเข็มขัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 30, 2011 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยตลาดปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สาม หลังจากรัฐสภากรีซมีมติผ่านมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปีในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทย เพื่อปูทางสู่การรับเงินกู้งวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพ.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 72.73 จุด หรือ 0.60% แตะที่ 12,261.42 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 10.74 จุด หรือ 0.83% แตะที่ 1,307.41 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 11.18 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 2,740.49 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 2 ต่อ 1

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากรัฐสภากรีซมีมติด้วยคะแนนเสียง 155 ต่อ 138 รับรองมาตรการรัดเข็มขัดระยะ 5 ปี ซึ่งการผ่านมาตรการดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กรีซรับเงินกู้งวดใหม่มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโรจากไอเอ็มเอฟและสหภาพยุโรป ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

รัฐสภากรีซจะลงมติในร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่งในวันนี้ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางการคลัง โดยจะครอบคลุมถึง การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ มาตรการขึ้นภาษี และการปรับลดงบประมาณรายจ่าย ทั้งนี้ หากรัฐสภากรีซลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ก็จะช่วยให้กรีซมีคุณสมบัติมากพอที่จะรับเงินเบิกจ่ายเงินกู้งวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโร (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้ทันเวลาในเดือนก.ค.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเชื่อมั่นที่มีมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุนออกจากตลาดพันธบัตรและเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า เช่นตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเมื่อวานนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 8.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐจะฟื้นตัวในไม่ช้านี้

หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วางแผนที่จะลดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2.1% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้นกว่า 3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 2.5% หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงสัปดาห์ที่แล้ว

หุ้นมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ปิดบวก 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นบีเจ โฮลเซล คลับ ปิดบวก 4.6% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทกลุ่มไพรเวทอิควิตี้ 2 รายได้ให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อเชนธุรกิจค้าส่งของบีเจ โฮลเซล

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนมิ.ย.และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ