บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)คาดการณ์ว่าการขยายตัวสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นใน 2Q54 ในขณะที่ NIM จะยังคงที่ QoQ ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดว่าจะสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ส่วนคุณภาพของสินทรัพย์ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ดีและการตั้งสำรองฯ ยังคงที่ QoQ ที่ 1.7 พันล้านบาทต่อไตรมาส คาดว่าต้นทุนต่อรายได้จะอยู่ที่ 48% คงที่จาก 1Q54 ในภาพรวมแล้วประมาณการว่า ผลประกอบการ 2Q54F จะดีขึ้นเป็น 6.2 พันล้านบาท +27% YoY และ +2% QoQ พร้อมให้มูลค่าที่เหมาะสม 164 บาท
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ก็แนะ"ซื้อ"หุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 148 บาท เนื่องจากคาดการณ์กำไรสุทธิของ KBANK ในไตรมาส 2/54 จะยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง 6%qoq และ 36%yoy อยู่ 6,457 ล้านบาท โดยยอดสินเชื่อในไตรมาสนี้น่าจะขยายตัวได้โดดเด่น 5.5%qoq ทำให้ครึ่งปีแรกสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้แล้ว 5.9%
โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate Loans) ที่ 5 เดือนแรกขยายตัวไปแล้วกว่า 9% ดีกว่าเป้าหมายที่ธนาคารคาดไว้ทั้งปีแล้ว ขณะที่ด้าน SME และ Retail เริ่มมีสัญญาณการขยายตัวที่ชัดเจนขึ้น ด้าน NIM น่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นได้ หลังจากปรับตัวลดลงในไตรมาสก่อน เนื่องจากมีการขยับขึ้นในส่วนของอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในไตรมาสนี้ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมน่าจะยังคงเติบโตได้ดีทั้ง qoq และ yoy ด้านค่าใช้จ่ายแม้ว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างจาก K-Transformation แต่ cost-to-income ratio ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองทรงตัวจากไตรมาส 1/54 ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท
ด้านบล.ธนชาต แนะ"ซื้อเล่นรอบสั้น"หุ้น KBANK โดยทางเทคนิคมีทิศทางราคาที่กลับเป็นบวกต่อเนื่อง จากการที่ราคากำลังจะผ่านแนวต้าน 120 บาท มีเป้าหมายระยะสั้นของแนวต้านที่ 123-125 บาท
ขณะที่ทางพื้นฐานแนะนำ"ซื้อ" KBANK เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ Top Pick โดยมีราคาเป้าหมายทางพื้นฐาน 160 บาท ซึ่งธนาคารได้ยืนยันมุมมองที่มองว่าสินเชื่อของธนาคารจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ผู้บริหารมองว่า NIM จะขยายตัวในระดับที่ไม่น่าตื่นเต้นมากนัก เนื่องจากการแข่งขันทางด้านเงินฝากที่ทวีความรุนแรงขึ้น และมีสัดส่วนสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น จึงคาดว่ากำไรของธนาคารในช่วง 2Q11 จะอยู่ที่ 6.4 พันลบ. เพิ่มขึ้น 35%y-y และ 5%q-q
วานนี้(29 มิ.ย.)หุ้น KBANK ปิดที่ 120 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท(+3%)