โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)เล็งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/54 ฟื้นตัวขึ้น หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/54 แล้ว พร้อมคาดว่าจะเห็นแนวโน้มผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในครึ่งหลังปีนี้(H2/54)
นอกจากนี้ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลงมามากแล้ว ทำให้มี upside ในการเข้าลงทุน เพียงแต่ PS มีการเปิดโครงการมาก ทำให้ฐานสูง และสภาวะแวดล้อมที่เป็นลบกับกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น, ค่าแรงสูงขึ้น และวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้น ทำให้อาจจะเห็นการเติบโตที่ยากลำบากขึ้น และปีนี้ PS คงจะเดินหน้าโครงการแนวราบมากขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ในช่วง 3,969-4,759 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 3,488 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.โกลเบล็ก ซื้อ 28.10 บล.บัวหลวง ซื้อ 27.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 25.88 บล.กสิกรไทย ซื้อ 24.50 บล.ภัทร ซื้อ 25.60 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 25.00 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 24.00 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อเมื่ออ่อนตัว 24.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อเก็งกำไร 19.78
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า เมื่อก่อนนี้ได้แนะนำ"ถือ"หุ้น PS แต่ตอนนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมามาก จนมี upside ขึ้นมา 14% จึงได้หันมาแนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น PS ด้วยราคาเป้าหมาย 19.78 บาท
ทั้งนี้ ปีนี้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น, ค่าแรงที่สูงขึ้น และวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวขึ้น ดังนั้นนักลงทุนควรจะเลือกเล่นหุ้นที่ปลอดภัยจะดีกว่า ซึ่ง PS ก็จัดเป็นหุ้นที่ปลอดภัย เพราะมีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ควรจะเลือกเล่น LPN และ SPALI จะดีกว่า
เนื่องจาก PS มีการเปิดโครงการมาก ทำให้ฐานสูง และสภาวะแวดล้อมที่เป็นลบกับกลุ่มที่อยู่อาศัย ทำให้อาจจะเกิดการเติบโตขึ้นได้ยาก และปีนี้ PS คงจะต้องพึ่งพิงการขายแนวราบมากขึ้น ซึ่งก็คงจะไม่ได้ขายดีมาก คงเป็นเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี กำไรยังมีการเติบโตได้ดีอยู่ โดยปีนี้คาดว่า PS จะมีกำไรสุทธิ 3,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 3,488 ล้านบาท ส่วนปี 55 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,459 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"อ่อนตัวซื้อ"หุ้น PS เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯยังขึ้นอยู่กับยอดขาย และ Backlog เป็นหลัก ยังคาดหวังว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 2/54 น่าจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/54 เล็กน้อย ซึ่งมองว่าไตรมาส 1/54 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของ PS แล้ว
ทั้งนี้ ปีนี้คาดว่า PS จะมีรายได้กว่า 28,000 ล้านบาท เติบโต 21% จากปี 2553 ที่มี 23,300 ล้านบาท โดยมองเป้ายอด Presale ในปีนี้ไว้ที่ 42,000 ล้านบาท เติบโต 8% ซึ่งคาดหวังว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/54)PS จะทำได้ แต่ถ้าพลาดเป้าก็อาจจะทำให้ไม่เติบโต
เมื่อปลายปีแล้ว PS มีการขยายตัวมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายและหนี้ปรับตัวขึ้นมาก ดังนั้นในปี 53 เรียกได้ว่าแทบไม่เติบโต แต่ในปีนี้มองว่าค่าใช้จ่ายคงจะไม่สูงเท่ากับปีที่แล้ว น่าจะทำให้กำไรของ PS เติบโตได้ โดยปีนี้คาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 4,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 3,488 ล้านบาท
ส่วน บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น PS เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาสโดยมี 1Q54 เป็นจุดต่ำสุด น่าจะทำให้ราคาหุ้นตอบสนองในเชิงบวก เชื่อว่า ณ ปัจจุบันน่าจะถึงจุดวักกลับตัวใหม่
ทั้งนี้ จาก Backlog คงค้าง 3.37 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 1.59 หมื่นล้านบาทเป็นโครงการแนวราบ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของ 2Q54 PS สามารถบันทึกรายได้ไปแล้วประมาณ 3 พันล้านบาท ขณะที่ในเดือน มิ.ย.54 จะมีการโอนฯ โครงการ IVY ทองหล่อ ที่มี Backlog 2.08 พันล้านบาทเข้ามาเสริม ซึ่งน่าจะทำให้ยอดบันทึกรายได้ของ PS ในงวด 2Q54 สูงกว่า 6 พันล้านบาท และจากการทำประมาณการในเบื้องต้น จึงประเมินว่าฐานกำไรจากการดำเนินงานของ PS ในงวด 2Q54 น่าจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 900 ล้านบาท ถือเป็นพัฒนการเชิงบวกของกำไร และคาดว่าจะเห็นแนวโน้มผลประกอบการเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องใน 3Q54 ก่อนที่จะสร้างจุดสูงสุดใน 4Q54 พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 4,759 ล้านบาท
ส่วนบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ยอดจองซื้อ 2 หมื่นล้านบาทในครึ่งแรกของปี ทำให้คาดว่าในไตรมาส 2/54 บริษัทจะบันทึกยอดจองซื้อเพิ่มก้าวกระโดดสูงกว่า 30% QoQ จาก 8.4 พันล้านบาทในไตรมาส 1/54 มาอยู่ที่ 1.16 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/54
ยอดจองซื้อโครงการแนวราบที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/54 จะหนุนให้ผลประกอบการดีขึ้นในครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะปัจจุบันที่โรงงาน prefabrication เริ่มดำเนินงานแล้วจะช่วยหนุนการก่อสร้างและส่งมอบให้กันในครึ่งปีหลัง สำหรับยอดจองซื้อในครึ่งแรกของปีที่ 2 หมื่นล้านบาทคาดว่าจะทรงตัว YoY แม้ว่าการเปิดตัวโครงการคอนโดจะลดลงเมื่อเทียบกับในครึ่งแรกของปีก่อน ดังนั้น แสดงว่ายอดจองซื้อโครงการแนวราบในครึ่งปีแรกของปีนี้ก้าวกระโดดมากเมื่อเทียบ YoY