นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) คาดว่า รายได้ในไตรมาส 2/54 จะเติบโต 8-10% จากไตรมาส 2/53 และจะขาดทุนลดลงจากไตรมาส 1/54 ที่ขาดทุนประมาณ 281 ล้านบาท หลังจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แลระยะทางที่ใช้บริการโดยเฉลี่ยก็เพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังก็ยังสดใส คาดว่ารายได้เติบโต 8-10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วงครึ่งปีหลังโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่างๆจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยในวันที่ 12 ส.ค. จะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (อ่อนนุช-แบริ่ง) ซึ่งบริษัทก็จะได้รับผลดีไปด้วย โดยคาดว่าจะทำให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 1-2% และในช่วงสิ้นปีนี้ก็น่าจะมีการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งบริษัทก็พร้อมเข้ารวมประมูล
สำหรับรายได้รวมปี 54 มั่นใจว่าจะเติบโต 8-10% ตามเป้าหมาย และคาดว่าจะพลิกกลับมาปีกำไรได้ในปี 58 หลังช่วงปลายปี 57 รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดให้บริการ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการประมาณ 2 แสนคน/วัน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีผู้โดยสารที่ถูกส่งต่อมายัง MRT ที่สถานีเตาปูนประมาณ 60% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด 2 แสนคน หรือคิดเป็น 1.2 แสนคน
"ปลายปี 57 สายสีม่วงจะเปิดให้บริการ จะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาก คาดว่าจะมีผู้โดยสารที่จะ transfer มาที่สถานีเตาปูนค่อนข้างมาก เราหวังไว้ที่ 60% หรือ 1.2 แสนคน จากทั้งหมดที่ 2 แสนคน/วัน เมื่อสีม่วงเปิดรายได้เราก็คงเพิ่มขึ้นมากก็น่าจะมีกำไรได้"นายสมบัติ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารใหม่ โดยจะประเมินจากดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ที่เปลี่ยนแปลงเป็นหลัก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปจะยื่นเรื่องต่อการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ได้ปลายปีนี้ และคาดว่าจะได้รับคำตอบในช่วงต้นปี 55 และหากได้รับอนุมัติอัตราค่าโดยสารใหม่คงเริ่มใช้ได้ในวันที่ 3 ก.ค. 55
"การปรับราคาคงรู้ตัวเลขปลายปี ก็คงเป็นไปตามดัชนีผู้บริโภค ที่จริงเราก็ลดราคาไปครั้งหนึ่งแล้วประมาณ 3-4% ประมาณ 1 ปีครึ่งแล้ว ก็อยากปรับเพื่อรักษาราคเดียวกับคราวที่แล้ว แต่จะเท่าไหมก็ต่องรอพิจารณา"นายสมบัติ กล่าว
สำหรับปัจจัยเรื่องการเมือง บริษัทเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ เนื่องจากถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับประเทศชาติ และนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆก็ให้ความสำคัญ คิดว่าไม่ว่าพรรคไหนจะได้เป็นรัฐบาลก็คงจะสานต่อ และน่าจะมีโครงการต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลในทุกโครงการ