ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกัน 5 วันทำการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างเหนือความคาดหมาย และจากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากรัฐสภากรีซมีมติผ่านร่างกฎหมายรัดเข็มขัดฉบับที่ 2 เพื่อนำไปสู่การรับเงินกู้งวดใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 0.8% ปิดที่ 274.92 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4007.35 จุด บวก 25.14 จุด และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7419.44 จุด บวก 43.20 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 55.3 จุด มากกว่าเดือนพ.ค.ที่ระดับ 53.5 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซหลังจากรัฐสภากรีซมีมติรับรองกฎหมายรัดเข็มขัดทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดตั้งองค์กรแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการบังคับใช้กฎหมายด้านภาษี เพื่อปูทางสู่การรับเงินเบิกจ่ายงวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากไอเอ็มเอฟและอียู
หุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนีพุ่งขึ้น 6.1% หุ้นเวนตัส วินด์ ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกังหันรายใหญ่ของยุโรปปิดพุ่ง 7.1% หลังจากบริษัทอีดีเอฟ เอ็นเนอร์จีส์ นูเวลส์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาพลังงานทดแทนของฝรั่งเศศ ตกลงซื้อกังหันจากเวนตัสจำนวนมาก
หุ้นยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ปิดบวก 2.4% หลังจากมีรายงานว่า ยูบีเอสวางแผนที่จะแต่งตั้งนายแอกเซล เวเบอร์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนีให้ดำรงตำแหน่งประธานยูบีเอส ขณะที่หุ้นธนาคารบังคา ป๊อปปูเลร์ เดอ มิลาโน ของอิตาลี ปิดพุ่งขึ้น 7.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ หลังจากมีการคาดการณ์ว่า อีซีบีจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ในเขตยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 2.7% สูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่ระดับ 2%