โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารในช่วง 8 เดือน เติบโตได้แข็งแกร่ง หลังจากปีนี้ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเหมือนปีก่อน และไม่ต้องแบกรับมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการภายในสนามบิน ทำให้กำไรปี 54 เติบโตอย่างมาก และบางโบรกเกอร์มีการปรับราคาเป้าหมาย ตามกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ มีแนวโน้มบริษัทจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้โดยสาร(PSC)ซึ่งหากมีการปรับขึ้นจริงทันงวดปี 54 ก็จะมีผลการปรับขึ้นรายได้และกำไรของบริษัท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ธนชาต ซื้อ 59.00 (ปรับจาก 55) บล.ซีไอเอ็มบี ซื้อ 52.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 49.00 บล.ฟิลลิป ซื้อ 46.75 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 46.00
นายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเติบโตสูงของจำนวนผู้โดยสารทำให้ผลประกอบการในงวดปี 54 ของ AOT เติบโตสูงไปด้วย เนื่องจากปีนี้ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเหมือนเช่นในปีที่แล้ว และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้โดยสาร(PSC)
โดย 2 เดือนในไตรมาส 3/54 หรือ เดือน เม.ย.-พ.ค. 54 จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 29.83% และ จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 16.7% ทำให้คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/54 จะดีกว่าไตรมาส 3/53
คาดการณ์ในปี 55 จะมีรายได้ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.7% จากปีก่อน และ กำไร(ไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน) คาดอยุ่ที่ 3.3 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 1.14 พันล้านบาท
ปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตมาก และ ปีนี้ไม่มีมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการในสนามบินเหมือนปีก่อนที่ดำเนินในช่วงเดือน มี.ค.-ธ.ค.53
นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า จากที่มีข่าวจะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้โดยสารระหว่างประเทศ จาก 700 บาท เป็น 800 บาท ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และ หากมีการปรับขึ้นจริงจะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิใหม่และปรับขึ้นราคาเป้าหมาย ทั้งนี้ ในปี 54 ประมาณการกำไรสุทธิ 3.64 พันล้านบาท
"ถ้าปรับขึ้นจริง กำไรก็เห็นชัดว่าขึ้นตามรายได้ รายได้ปีนี้กลับมาโตตามปกติ จากนักท่องเที่ยวโต ถ้ามีการปรับค่าธรรมเนียมจริงมีโอกาสปรับขึ้นคาดการณ์กำไรและมีโอกาสปรับ Fair value" นายกวี กล่าว
นอกจากนี้ การที่บริษัทตัดสินใจดำเนินโครงการสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคน ก่อนอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เฟส 2 เพราะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 65 ล้านคน และใช้เวลาก่อสร้างราว 2 ปี ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างน้อยกว่าอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเฟส 2 ซึ่งใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี
บทวิเคราะห์ของ บล.ธนชาต ระบุ ผู้โดยสารของ AOT ที่เติบโตแข็งแกร่งที่ 11.9% ในช่วง 8 เดือนแรก ทำให้เราปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารขึ้นเป็น 12% จาก 7.3% ในปี 54 และเป็น 6.1% จาก 5.7% ในปี 55
แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับสมมติฐานงบค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับปี 55-58 ขึ้นราว 9 พันลบ. จากแผนเพิ่มเติมในการสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิของ AOT เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 65 ล้านคน ในปี 58 และ 80 ล้านคน ในปี 61 จากปัจจุบันที่รองรับได้ 45 ล้านคน ซึ่งการปรับสมมติฐานของเราทำให้ประมาณการกำไรปกติของเราเพิ่มขึ้นราว 24% ในปี 54 และ 18% ในปี 55 ขณะที่ราคาเป้าหมายของเราถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ 59 บาท/หุ้น จาก 55 บาท/หุ้น