แหล่งข่าวจาก บมจ.ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย(YUASA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มราคาตะกั่วและทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ มีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยหากราคาตะกั่วปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 2.6-2.7 พันเหรียญ/ตัน จากปัจจุบัน 2.4 -2.5 พันเหรียญ/ตัน บริษัทจะเข้าพบกรมการค้าภายใน เพื่อขอให้พิจารณาปรับขึ้นเพดานราคาขายแบตเตอรี่ในประเทศ
"อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาพิจารณาในเรื่องดังกล่าว เพราะ ต้นทุนการผลิตทั้งราคาทองแดงและตะกั่วได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยต้นทุนได้ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10%" แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ความต้องการตะกั่วและทองแดงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ ใกล้เข้าช่วงฤดูหนาว ซึ่งปกติเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจรถยนต์
แหล่งข่าว กล่าวว่า จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แต่ในไตรมาส 2 / 54 คาดว่าผลการดำเนินงานคงจะทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1 / 54 ที่ผ่านมา จากผลกระทบทบสึนามิในญี่ปุ่นทำให้การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง
แหล่งข่าว มั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ปี 54 จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8-1.9 พันล้านบาท เนื่องจากออร์เดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศ หลังจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมา รวมทั้งราคาสินค้าการเกษตรปรับสูงขึ้น
แม้ว่าบริษัทยังไม่สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ตามต้นทุนที่แท้จริง บริษัทก็จะพยายามบริหารจัดการลดต้นทุนในส่วนอื่นๆแทน รวมทั้งขยายการส่งออกไปต่างประเทศ ที่จะสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุน ประกอบกับการออกโฆษณา แบตเตอรี่ " ยัวซ่า ทรานฟอเมอร์ " เพื่อกระตุ้นแบรนด์ และการเพิ่มการขาย
ทั้งนี้ บริษัทหากได้มีการปรับราคาขายแบตเตอรี่ จะเป็นการปรับในตลาดส่งออก และตลาด OEM ทดแทนในช่วงที่ผ่านมา ประมาณ 2- 3 % ซึ่งก็ช่วยในการบริหารต้นทุนได้ และที่ผ่านมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจยานยนต์ก็ส่งผลให้ OEM ขายได้เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากก่อนหน้าที่ผลกระทบสึนามิในญี่ปุ่น ขณะที่ส่งออกก็มีทิศทางที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สัดส่วนปัจจุบัน รายได้มาจากแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศ 50% OEM 30-40% และที่เหลือส่งออกต่างประเทศ
"ตอนนี้ราคาตะกั่วปรับลงมานิดหน่อย ช่วยพยุงเราได้บ้าง จริง ๆ ต้องปรับราคาขายตั้งแต่เดือนพ.ค ที่ผ่านมาทุกยี่ห้อ ที่ขายในประเทศ เพราะในช่วงก่อนราคาต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น แต่กรมการค้าภายในขอไว้ แต่เราก็ปรับด้วยการหันไปขึ้นราคาในต่างประเทศ และ OEM แทนที่จะปรับทุก 3 เดือน แต่มากกว่านี้ก็คงไม่ไหว และผมก็เชื่อว่าผู้ประกอบการที่เหมือนผมก็คิดเมือนกัน " แหล่งข่าว กล่าว