ผศ.สมประวิณ มันประเสริฐ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจมหภาค สำนักวิจัยทิสโก้ และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ประเด็นสำคัญอันหนึ่งคือว่า การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้น และมีความมั่นคงทางการเมืองได้ดี นโนบายเศรษฐกิจก็น่าจะออกมาชัดเจนได้ นโยบายของเพื่อไทยหลัก ๆ ก็มีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคมากพอสมควรหลายโครงการ แต่ยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้จ่าย
"ระยะสั้น Domestic demand น่าจะเพิ่มขึ้น อย่างการจำนำราคาข้าว มันมีส่วนในการกระตุ้นการบริโภค ในระยะสั้นการบริโภคก็คงจะเติบโต"ผศ.สมประวิณ กล่าว
*เรียกร้องรัฐสร้างความชัดเจนที่มาแหล่งรายได้-เชื่อศก.โตได้ดีหากการเมืองมั่นคง
"เรื่องที่กังวลเป็นเรื่องระยะกลางและระยะยาว คือด้านการคลัง โดยนโยบายส่วนใหญ่พูดถึงการใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ที่มาของรายได้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งที่จริง ๆ แล้วควรจะให้ความสำคัญในจุดนี้และส่งข้อความให้สังคมได้รับรู้เกี่ยวกับแผนการใช้จ่าย และแผนการได้มาซึ่งรายได้ เพื่อทำให้ข้อกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะหรือการขาดดุลของภาครัฐฯผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
การเติบโตตัวเลข GDP ของไทยปี 54 ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 4.7% มากกว่าที่อื่นคาดการณ์ จริงๆ แล้วระบบเศรษฐกิจไทยฟื้นมาจากอุปสงค์จากภายนอกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้น แล้วมีผลมากระตุ้น Domestic demand อย่างไรก็ดี ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นตามแรงสะสมจากต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นแรงบวกให้เศรษฐกิจไทยได้ดี และยิ่งสถานะการเมืองยิ่งมั่นคงก็ยิ่งน่าจะดี
สาระสำคัญตอนนี้มีอย่างเดียวคือว่า ความมั่นคงทางการเมืองมีไหม การทำนโยบายเศรษฐกิจสามารถที่จะทำได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถทำได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือเปล่า ถ้าได้ก็จะดี"
*มองนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ-กำหนดเงินเดือนเริ่มต้นปริญญาตรีทำได้ยาก
"มีนโยบายหลายนโยบายที่ทำได้ยาก เช่น การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ถ้าปรับขึ้นทันทีจะมีผลต่อเงินเฟ้อค่อนข้างมาก จะเพิ่มแรงกดดันมากพอสมควร จากปัจจุบันที่ค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน บางจังหวัดก็แค่ 150 บาท บางจังหวัดก็ 200 กว่าบาท ถ้าปรับขึ้นทั้งประเทศจะมีผลมาก เพราะบางจังหวัดจะปรับขึ้นถึง 50% และที่สำคัญคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาขนาดนั่นเนี่ย บริษัท ห้างร้าน ที่มีลูกจ้างอยู่ จะยังจ้างคนงานไหวหรือเปล่า ถ้าจะเกิดก็ต้องเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า"
จริง ๆ แล้วผู้บริหารนโยบายเคยพูดว่า เป็นไปได้ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวจะไปลดภาษี แต่ความเป็นจริงก็คือว่าเงินเฟ้อไม่ได้ถูกกำหนดจากราคาจริง ๆ อย่างเดียว แต่ถูกกำหนดจากคาดการณ์ด้วย หมายความว่าถ้ามันไม่ได้มีเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เงินเฟ้อขึ้น แต่ถ้าทุกคนคาดว่าเงินมันเฟ้อ ก็จะขอปรับราคาขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เงินเฟ้อจะมาเอง นั่นคือปัญหา
นอกจากนี้ นโยบายในเรื่องการขึ้นค่าจ้างเริ่มต้น 15,000 บาทสำหรับผู้ที่จบปริญญาตรี ก็เหมือนกัน ไม่น่าจะทำได้ง่าย เพราะกระทบในแง่ต้นทุน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องรับภาระเพิ่มขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่ยอมหรอกครับ ถ้าเขายอมก็ต้องลดปริมาณคนลง"
*เชื่อทีมเศรษฐกิจ"โอฬาร-สุชาติ"ทำงานร่วมกันได้ ตลาดหุ้นตอบสนองทางบวก
"ทีมเศรษฐกิจของเขาก็ชัดเจนนะ เป็น ดร.โอฬาร กับ ดร.สุชาติ ซึ่งมองว่าทั้งสองคนนี้สามารถทำงานร่วมกันได้ และนโยบายที่ออกมา พูดถึงเรื่องการใช้เงินพอสมควร ขณะที่การระดมทุน และการบริหารหนี้ของภาครัฐฯยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งสำคัญมาก ถ้าไม่พูดก็จะทำให้เสียความมั่นใจไป คิดว่ารายละเอียดยังไม่ออกมา แต่ถ้าประเด็นที่ต้องจับตาดูเป็นเรื่องของรายได้ และแผนบริหารหนี้สาธารณะ
ด้านตลาดหุ้นไทยวันนี้ก็มีการตอบสนองที่ค่อนข้างดี สาเหตุสำคัญผมเชื่อว่า มันมาจากเสถียรภาพ นักลงทุนหลายคนมองว่าใครจะมา ถ้าทำดีก็ดี ถ้าทำไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ตลาดฯปรับตัวขึ้นมาได้เพราะความไม่แน่ใจได้หายไป ซึ่งทีผ่านมาตลาดฯถูกกดดันจากความไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้(H2/54)มันคงยังไม่น่าจะมีอะไรมากระทบ พรรคเพื่อไทยมาก็พยายามโชว์ฝีมือตัวเอง และทำอะไรคงจะระมัดระวัง และน่าจะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจพอสมควร การตอบสนองของตลาดฯเลยค่อนข้างดี"