นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ สั่งระงับการนำส่งผลตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) ที่จะให้ตำรวจไว้ก่อน หลังจากที่คณะทำงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ตรวจสอบสถานะในเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหตุที่ให้ระงับไว้ก่อนนั้น เป็นเพราะตนเพิ่งได้รับรายงานผลสรุปของคณะทำงานเมื่อเช้านี้และยังไม่ได้พิจารณาในรายละเอียด
ขณะเดียวกัน ก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุด โดยมอบหมายให้นายสัญญา สถิรบุตร ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อให้เข้าไปตรวจรายงานผลตรวจสอบสถานะของ DTAC อย่างละเอียดอีกครั้งว่า DTAC มีการถือหุ้นในลักษณะที่เข้าข่ายการเป็นนอมินีจริงหรือไม่ เนื่องจากคณะทำงานของกรมฯ ยังไม่ได้ชี้ชัดหรือฟันธงได้ 100% ว่าเป็นนอมินีต่างชาติ เพียงแต่มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าจะเข้าข่ายการเป็นนอมินีเท่านั้น
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ภายหลังคณะทำงานชุดของนายสัญญา ตรวจสอบแล้วเสร็จจะสรุปและรายงานผลกลับมาที่ตนอีกครั้งเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถฟันธงเรื่องการเป็นนอมินีได้หรือไม่ คาดว่า น่าจะใช้เวลาตรวจสอบเพียง 2-3 วันก็จะได้ข้อสรุป เพราะถ้าชี้ชัดได้ก็จะส่งเรื่องให้อัยการเพื่อดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป แต่หากไม่สามารถชี้ชัดได้ ก็จะส่งผลการตรวจสอบให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อสอบสวนข้อมูลในเชิงลึกต่อไป
"การให้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง ไม่เกี่ยวกับความไม่มั่นใจในผลสรุปของคณะทำงานฯ แต่เป็นเพราะต้องการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้ใช้อำนาจที่แท้จริง เมื่อมีหลักฐานชี้ชัดว่าเข้าข่ายเป็นต่างด้าว ก็ต้องฟันธงไปเลย แต่ผลสรุปของคณะทำงานฯ ยังตีกรรเชียงอยู่ เพราะยังไม่ระบุชัดว่าเป็นต่างด้าวหรือไม่" นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ได้เห็นจากเอกสารทางการเงินในรายงานประจำปีที่บริษัท เทเลนอร์ เอเชีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน DTAC ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ในประเทศต่างๆ ว่า ถือหุ้นใน DTAC ถึง 66% รวมถึงยังมีอำนาจครอบงำกิจการมากกว่าคนไทย มีการแบ่งผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของดีแทคให้กับผู้ถือหุ้นข้างน้อย ซึ่งเป็นคนต่างด้าว
ส่วนนอมินีคนไทยที่ถือหุ้นไขว้กันไปมาในบริษัทต่างๆ ที่ถือหุ้นใน DTAC ถึง 5 ชั้นยังมีถึง 4 ชั้นที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยไม่ได้ประกอบกิจการ ถือเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าส่อเป็นนอมินี
"ผมเคยสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยแล้ว ไม่ใช่จะดูแค่การถือหุ้นชั้นเดียว 51/49 เท่านั้น ให้สาวลึกลงไปให้ได้ ถ้าบริษัทถือหุ้นในดีแทคทั้ง 7 ชั้นเป็นต่างด้าว ดีแทคก็ต้องเป็นต่างด้าวด้วย จะปล่อยให้ละเมิดกฎหมายไทย และทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทยไม่ได้" นายอลงกรณ์ กล่าว