KCE ลุ้นยอดขายปี 54 เกินเป้าหลังออเดอร์ทะลักถึง Q3/54-ราคาทองแดงปรับลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 6, 2011 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิธาน องค์โฆษิต รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์(KCE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ตั้งแต่ไตรมาส 2/54 เป็นต้นมาบริษัทได้ลูกค้าใหม่รายใหญ่ในกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 5-6 ราย ที่ยืนยันออร์เดอร์แล้วและจะทยอยเข้ามา รวมทั้งมีออเดอร์จากลูกค้าเดิมเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย

“ตอนนี้บริษัทมีออร์เดอร์ล่วงหน้าไปจนถึงจบไตรมาส 3/54 แล้ว จึงค่อนข้างมั่นใจว่ายอดขายจะโตได้ตามเป้าเพราะ book ไว้หมดแล้ว ขณะที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ PCB ตอนนี้รับออเดอร์ล่วงหน้ามาก ซึ่งกว่าลูกค้าจะได้ของต้อง 8-10 สัปดาห์" นายพิธาน กล่าว

ยอดขายไตรมาส 2/54 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/54 ที่มียอดขาย 61 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั้งปีคาดว่ายอดขายน่าจะได้ตามเป้าหรือเกินเป้าเล็กน้อย เนื่องจากมองว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรกมากจากหลายส่วน ส่วนใหญ่มาจากออเดอร์ลูกค้าเก่าเพิ่มขึ้นมาก และขิ้นส่วนใหม่ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะลูกค้าใหม่กลุ่มยานยนต์มีออเดอร์เข้ามา

"ยอดขายครึ่งปีแรกได้ตามเป้า แต่มองครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งแรก ซึ่ง season ธุรกิจ ยอดขายไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 3 ดีกว่าไตรมาส 2 ส่วนไตรมาส 4 นิ่งน่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ปกติไตรมาส 4 จะเป็น low แต่ปีนี้ใกล้เคียงไตรมาส 3 เพราะไตรมาส 3ปีนี้เราผลิตไม่ได้จริงตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งลูกค้าต้องการเยอะแต่เราหยุดรับเพราะเกินกำลังการผลิต ซึ่งลูกค้าบางรายก็ไปที่อื่นบ้าง แต่การที่ตลาดไม่สามารถไปที่อื่นได้ parts แต่ละ parts ต้องผลิตก็จะถูกล็อก สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่เราสลับกันบางส่วน"นายพิธานกล่าว

ทั้งนี้ เป้าหมายยอดขายในปี 54 อยู่ที่ 270 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนยานยนต์ 70% ที่เหลือเป็นอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/54 นี้บริษัทน่าจะได้รับผลดีจากต้นทุนวัตถุดิบคือราคาทองแดงที่ลดลง โดยเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา ทองแดงราคาอยู่ที่ 9.9 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ตอนนี้ปรับลงมาเหลือ 9.4-9.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะฉะนั้น ไตรมาส 3/54 นี้ไม่ได้แย่กว่าไตรมาส 1-2 เพราะราคาทองแดงปรับลดลง ขณะที่บริษัทสามารถปรับขึ้นราคาขายกับลูกค้าได้บางส่วน

"เห็นทองแดงปรับขึ้นในไตรมาส 1-2 ก็คุยกับลูกค้า ซึ่งต้องมีเวลาต่อรองกับลูกค้าด้วย ราคาก็จะได้ขึ้นจริงในต้นเดือนกรกฎาคม นี้ โดยปรับขึ้นเฉลี่ย 3-4% ก็จะส่งผลดีต่อเราในไตรมาส 3 ประกอบกับเงินบาทอ่อนตัว เนื่องจากเราขายและรับรู้รายได้เป็นดอลลาร์ 75% ยูโร 25% ถ้าบาทอ่อนเราก็จะได้รับผลดีทั้งยูโรและดอลล์มากขึ้น"

นายพิธาน มองว่า แนวโน้มค่าเงินบาทน่าจะยังทรงตัวนิ่งๆ หรือแข็งค่า ซึ่งปกติจะทำทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงไว้แล้ว

นายพิธานยังกล่าวว่า ปัจจัยกังวลครึ่งปีหลังในการผลิตที่มีอัตราส่วนของเสียสูงอยู่ในโรงงาน เคซีอี เทคโนโลยี ที่จ.พระครศรีอยุธยา และขณะนี้อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 80%ต้นๆ แต่ต้องใช้กำลังผลิตให้ได้กว่า 90% เพื่อที่จะทำให้อัตราของเสียลดลงอีก เพราะตอนนี้อัตราของเสียโรงนี้ยังสูงกว่าโรงอื่นและสูงกว่าไตรมาส 1 การที่อัตราของเสียสูงก็กระทบต่อกำไรในไตรมาส 2/54 ที่คาดว่าจะน้อยกว่าไตรมาส 1/54 เพราะของเสียมาก และ ต้นทุนการผลิตก็ขึ้นมาก เพราะการผลิตไม่เต็มที่

“ตอนนี้ผลิตอยู่ 3 โรง 2 โรงแรกกำไรจะนิ่งๆ ตัวแปรอยู่ที่โรง 3 อยุธยา แต่ target เราก็คาดว่าไตรมาส 3 นี้อัตราของเสียน่าจะลดลงซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น"

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงาน PCB ที่ลาดกระบังมูลค่าเงินลงทุน 2,200 ล้านบาท ตามแผนคาดว่าดจะสรุปได้ในเดือนก.ย.นี้ และเริ่มผลิตได้ในปลายไตรมาส 3/55 หรือต้นไตรมาส 4/55 ในเฟสแรก เงินลงทุนเฉพาะเฟสแรก 1.3 พันล้านบาท กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนตร.ฟุต ในปี 55 และสร้างเฟสที่ 2 ในปีถัดไป

โดยโรงงานแห่งนี้จะแบ่งเป็น 2 เฟส ปัจจุบันกลุ่ม KCE มีกำลังการผลิต 2 ล้านตร.ฟุต ถ้าเพิ่มอีก 1.2 ล้านตร.ฟุต หรือ 60% ก็จะทำให้กำลังการผลิตเต็มที่หลังเสร็จเฟส 2 เสร็จเพิ่มเป็น 3.2 ล้านตร.ฟุต/ปี

ส่วนนโยบายคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาล ส่งผลดีทางอ้อม แต่ไม่ได้เป็นนัยสำคัญของบริษัทเพราะบริษัทผลิตของส่งทั่วโลก ถ้าไทยขายดีก็ไม่ได้ปรับเพิ่มจำนวนเมาก เพราะส่วนใหญ่เราส่งออกทั่วโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ