นายวิชา พลูวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้ารายได้จากเดิมคาดเติบโต 10-15% หลังประกาศงบไตรมาส 2/54 เพราะมองว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/54 และ ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากมีหนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์ทำเงินมากกว่า 100 ล้านบาทหลายเรื่อง อาทิ Fast and Furious, Pirate of Carribian 4 เป็นต้น
"ไตรมาส 1 เราเติบโตถึง 14% แล้ว ทั้งๆที่หนังที่หนังที่เข้าฉายไม่ได้ดีกว่าปีก่อน และไตรมาส 2 รายได้ก็น่าจะออกมาดี เพราะหนังค่อนข้างถูกใจคนไทย คิดว่าหลังจากมีการประกาศงบอาจมีการปรับเป้ารายได้อีกที" นายวิชา กล่าว
สำหรับแนวโน้มรายได้ในครึ่งหลังปี 54 คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาวะการเมืองนิ่งและมีเสถียรภาพ ช่วยสนับสนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมทั้งยังมีหนังฟอร์ยักษ์เข้าฉายอีกเรื่อง เช่น ทรานส์ฟอร์เมอร์ ภาค 3 คาดน่าจะทำเงินเกิน 300 ล้านบาท, แฮร์รี่พอร์ตเตอร์, ทไวไลท์ 3, ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 4 และ ภาค 5 เป็นต้น
นายวิชา กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโรงภาพยนต์อย่างน้อย 2 แห่ง คือที่เซ็นทรัลพิษณุโลก และ บิ๊กซีระยอง ส่วนปี 55 จะเปิดที่ IKEA บางนา และ ซีคอนสแควร์ 2 นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโรงภาพยนต์ระบบ 4 มิติ ปีละ 1 โรง ใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท
โดยในวันนี้ได้เปิดตัวโรงหนัง 4 มิติ ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่ง MAJOR ร่วมทุนกับ บริษัท โฟร์ดีเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ซีเจ กรุ๊ป ประเทศเกาหลีใต้ ลงทุนร่วมกันจำนวน 50 ล้านบาท โดยมีบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เป็นเนมมิ่ง สปอนเซอร์ โดยโรงหนังดังกล่าวใช้ชื่อ "เอไอเอส 4 DX" จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ราคาตั๋วอยู่ที่ 300 ,400 และ 500 บาท ขึ้นอยู่กับภาพยนต์และวันเวลาที่ออกฉาย คาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 4-5 ปี
และในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) บริษัทจะไปโรดโชว์ต่อกองทุนทั้งในและต่างประเทศ 12 แห่ง ที่บล.บัวหลวง
"ถ้าเราต้องการให้หุ้น size ใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีกองทุนถือเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันมีหลายกองทุนสนใจ" ประธานกรรมการบริหาร MAJOR กล่าว
ขณะเดียวกันคาดว่าบริษัทจะได้ข้อสรุปถือหุ้นเพิ่มใน บริษัท PVR Limited (PVRL) ในอินเดีย ภายในปีนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างรอก.ล.ต.ที่อินเดียอนุมัติ การถือหุ้น MAJOR ในสัดส่วนไม่เกิน 15% จากปัจจุบันถืออยู่ 9.4%