ผู้บริหาร บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) สั่งชะลอแผนลงทุนขยายสถานีบริการจำหน่ายพลังงานทดแทนในปี 55 ออกไปก่อน เพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลใหม่ว่ามีนโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาพลังงานทดแทนในอนาคตอย่างไร หวั่นส่งผลกระทบหากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
"ขณะนี้บางจากฯ อยู่ระหว่างรอดูท่าทีรัฐบาลใหม่ว่าจะเดินหน้านโยบายพลังงานอย่างไร โดยมีการชะลอการขยายสถานีบริการน้ำมันในปีหน้าไว้ก่อน ทั้งอี 85 ที่มีแผนขยายให้ได้ 600-700 แห่ง และอี20 ที่มีแผนขยายให้ได้ 50 แห่ง" นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าว
ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่มีนโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ จะส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมและการพัฒนาพลังงานทดแทนของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีการใช้ทั้งประเทศถึงร้อยละ 65 ขณะที่มีการใช้เบนซินลดลงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 35 เท่านั้น
"หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ จริงจะส่งผลให้ประชาชนหันกลับไปใช้เบนซินมากขึ้น เพราะมีส่วนต่างจากแก๊สโซฮอล์น้อยลง" นายอนุสรณ์ กล่าว
โดยหากยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ จะทำให้เงินที่เก็บจากเบนซิน 95 หายไป 7.50 บาทต่อลิตร, เบนซิน 91 หายไป 6.70 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 หายไป 2.40 บาทต่อลิตร ขณะที่แก๊สโซฮอล์ อี20 จะปรับเพิ่มขึ้น 1.30 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี85 จะปรับเพิ่มขึ้น 13.50 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาอี85 ปรับราคาขึ้นใกล้เคียงกับราคาเบนซิน เพราะแก๊สโซฮอล์ อี20 และ อี85 กองทุนน้ำมันฯ เข้าไปอุดหนุนราคาอยู่ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อแผนพลังงานทดแทน
"รัฐบาลจำเป็นต้องหาเงินมารองรับราคาพลังงานทดแทนด้วยการบริหารจัดการภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้การเดินหน้าแผนพลังงานทดแทนของประเทศต่อไปได้ รวมทั้งยังมีผลกระทบต่อบริษัทน้ำมันที่มีการลงทุนเดินหน้าพลังงานทดแทนไปแล้วอย่างเต็มกำลัง และค่ายรถยนต์ที่มีแผนการผลิตรถยนต์ที่ใช้ อี85 ออกสู่ตลาดอีกจำนวนมาก" นายอนุสรณ์ กล่าว