ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหนุนดาวโจนส์ปิดบวก 56.15 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 7, 2011 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาด ก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์นี้ โดยมีการคาดการณ์ตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและอัตราว่างงานจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงกดดันจากข่าวจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ย รวมทั้งการรายงานดัชนีภาคบริการที่ชะลอตัวลงของสหรัฐ และมูดีส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงสู่ระดับขยะ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 56.15 จุด หรือ 0.45% แตะที่ 12626.02 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.34 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 1339.22 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 8.25 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 2834.02 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 3

นักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อหุ้นในตลาดนิวยอร์กก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนมิ.ย.ในคืนวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 90,000 ราย และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะลดลงสู่ระดับ 9%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มขนส่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีบ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีดาวโจนส์กลุ่มการขนส่งพุ่งขึ้น1.2% ขณะที่หุ้นคอน-เวย์ทะยานขึ้น 5.7%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% ซึ่งแม้ว่าธนาคารกลางจีนมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ แต่นักลงทุนกังวลว่ามาตรการคุมเข้มด้านการเงินของจีนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจและอุปสงค์ชะลอตัวลงด้วย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 53.3 จุด ซึ่งชะลอตัวจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัวที่ระดับ 54.6 จุด และยังเป็นการขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54 จุด หลังจากยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการร่วงลงอย่างหนัก

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของโปรตุเกสลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba2 หรือ "ระดับขยะ" จากระดับ Baa1 เพราะกังวลว่ารัฐบาลโปรตุเกสอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ขณะเดียวกันมูดีส์ยังให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของโปรตุเกสเป็น "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงอีก

ข่าวมูดีส์ลดอันดับเครดิตโปรตุเกสได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามเข้าสู่ภาคธนาคารของยุโรป โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาปิดร่วง 2.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปิดลบ 1.2%

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ปิดบวก 1% หลังจากนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นจีเอ็ม ขณะที่หุ้นวอลกรีนปิดบวก 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนมิ.ย.

ส่วนหุ้นคอมพิวแวร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟแวร์ด้านธุรกิจ ปิดบวก 5.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากคอมพิวแวร์ประกาศเทคโอเวอร์กิจการบริษัทไดนาแทรซ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟแวร์รายหนึ่งในสหรัฐ มูลค่า 256 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายขึ้นเป็นสองเท่าในปีหน้า

นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์ พร้อมกับจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนมิ.ย.และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ