ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงสู่ระดับขยะ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 21.11 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 6,002.92 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปและการใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเงินของจีน โดยเมื่อานนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% ซึ่งนักลงทุนกังวลว่ามาตรการคุมเข้มด้านการเงินของจีนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ แม้จีนมีจุดมุ่งหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของโปรตุเกสลง 4 ขั้น สู่ระดับ Ba2 หรือ "ระดับขยะ" จากระดับ Baa1 และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 53.3 จุด ซึ่งชะลอตัวจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัวที่ระดับ 54.6 จุด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้อาจลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายต่อภาคการเงินของยุโรป โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ดิ่งลง 3.8% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 3.4% และหุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง ปิดลบ 2.1%
ขณะที่ข่าวจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง รวมถึงหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส
หุ้นทรีนิตี มิเรอร์ ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์เดลี มิเรอร์ของอังกฤษ ปิดร่วง 17% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ทรีนิตี มิเรอร์จะไม่ร่วมธุรกิจกับนิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ด ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค
หุ้นบีพีร่วงลง 1% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะเพรสทรัสต์ของอินเดียรายงานว่า กระทรวงพลังงานอินเดียได้เสนอซื้อหุ้น 30% ในธุรกิจบ่อน้ำมันและก๊าซของบีพี