นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดการผลิตถ่านหินในปี 54 ลดลง 3 -5 แสนตัน จากเป้าหมายการผลิตเดิมในปีนี้ 42 ล้านตัน เนื่องจากปัญหาฝนตกต่อเนื่องระยะยาวในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้กำลังการผลิตจากประเทศอินโดฯ ลดลง ขณะเดียวกันคาดว่าในไตรมาส 2/54 ยอดขายจะต่ำกว่าเป้าที่ 6.2 ล้านตันด้วย
ส่วนราคาขายถ่านหินในปีนี้ยังคงตามเป้าหมายที่ไม่ต่ำกว่า 90 เหรียญ/ตัน แม้ว่าในช่วงนี้ราคาขายจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ราคาขายล่วงหน้าในไตรมาส 3 -ไตรมาส 4 ยังคงเกินกว่าระดับ 120 เหรียญ/ตัน ตามดัชนี BJI และทำให้ทั้งปีบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาขายถ่านหินในออสเตรเลียสูง และยังมีปริมาณการผลิตจากออสเตรเลียซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบใหม่เข้ามาช่วยชดเชย
สำหรับการออกหุ้นกู้ จำนวน 1 หมื่นล้านบาท นั้นยังคงเป็นไปตามแผน โดยจะออกในช่วงไตรมาส 3/54 ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ส่วนเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ บริษัทจะนำมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิม และยังเป็นการลดภาระดอกเบี้ย
นายชนินทร์ กล่าวว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้นทุกตัว ทำให้เศรษฐกิจในต่างจังหวัดดี และส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดประกอบกับภาวะดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยดีอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องกระชากเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ควรเน้นสร้างความสามัคคีมากกว่า ไม่ควรทำให้ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองมาสร้างความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาคธุรกิจไทยเสียโอกาสโดยเฉพาะการลงทุนในประเทศจากปัญหาการเมือง
สำหรับนโยบายรัฐบาล ควรสอบถามหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างภาคเอกชน เพราะมีมาตรการบางอย่างที่จะส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนโดยตรง ดังนั้น ต้องคำนึงถึงผลกระทบและอาจส่งผลต่อภาคเอกชนในที่สุด โดยเฉพาะ SMEs จะได้รับผลหนักสุดและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ
ส่วนการลดภาษีนิติบุคคล 30% ให้เหลือ 23% ตามนโยบายรัฐบาลใหม่ ไม่น่าจะส่งผลกระทบเพราะการลงทุนและรายได้ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ 100% แต่น่าจะส่งผลดีต่อการแข่งขันต่อภาคธุรกิจ เพราะระดับดังกล่าวจะอยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ฯลฯ