ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 62.29 จุดหลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 9, 2011 07:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 62.29 จุด หรือ 0.49% แตะที่ 12,657.20 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 9.42 จุด หรือ 0.70% แตะที่ 1,343.80 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 12.85 จุด หรือ 0.45% แตะที่ 2,859.81 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยรวม 0.6% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.6%

ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้นักลงทุนผิดหวังและวิตกกังวลกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะใกล้นี้ โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน และยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 90,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.2% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 9.1% โดยอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9%

ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์นั้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวไม่มากพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งได้ โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐขยายตัวเพียง 1.8% น้อยกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ถึง 3.1%

ทั้งนี้ ข้อมูลการจ้างงานที่น่าผิดหวังทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นและเขาซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 3.01% ในวันศุกร์ จากวันพฤหัสบดีที่ 3.19%

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการในภาคเอกชน โดยบริษัทต่างๆของสหรัฐจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า เริ่มจากบริษัทอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ที่จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดคาดว่า รายได้ต่อหุ้นของอัลโคจะอยู่ที่ 34 เซนต์ต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าราว 6.28 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมงบประมาณของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐในสัปดาห์หน้า โดยที่ประชุมจะอภิปรายเรื่องข้อเสนอการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่สำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) เปิดเผยว่า แนวโน้มด้านงบประมาณของสหรัฐกำลังอยู่ในห้วงวิกฤต และคาดว่าตัวเลขหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 70% ของจีดีพี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นนิวส์ คอร์ป ร่วงลงเกือบ 4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ