ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกหนี้ยุโรป,สหรัฐฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 151.44 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 12, 2011 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป รวมถึงอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประชุมระหว่างคณะทำงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในเร็วๆนี้

ดาวโจนส์ร่วงลง 151.44 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 12,505.76 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 24.31 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ 1,319.49 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 57.19 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 2,802.62 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 6 ต่อ 1

นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการคลังของอิตาลี เพราะเกรงว่าอิตาลีอาจจะเป็นประเทศต่อไปในยุโรปที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้แบบเดียวกับกรีซ หลังจากที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อว่าตราสารหนี้ระยะยาวและเงินฝากของธนาคารเอกชน 16 แห่งของอิตาลี ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

การประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารอิตาลีมีขึ้นไม่นานหลังจากมูดีส์ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศอิตาลี โดยเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ Aa2 หลังจากเศรษฐกิจอิตาลีขยายตัวเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะมีอยู่สูงถึง 120% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อิตาลีได้ประกาศควบคุมการทำชอร์ตเซลล์ หลังจากค่าสเปรดของพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.90% เมื่อเทียบกับพันธบัตรของเยอรมนี ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มยูโรโซน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 5.565%

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลงกว่า 5% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลงกว่า 3% เนื่องจากความกังวลที่ว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร

นอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด และอัตราเงินเฟ้อของจีนที่พุ่งขึ้นรุนแรงในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน ตลาดวิตกกังวลกับข่าวที่ว่า ที่ประชุมระหว่างคณะทำงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในเร็วๆนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน FOMC เมื่อวันที่ 21-22 มิ.ย. ส่วนวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมิ.ย.

วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ