ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามไปยังประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยุโรป รวมถึงอิตาลีและสเปน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสหรัฐรายงานว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 61.42 จุด ปิดที่ 5929.16 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา ท่ามกลางข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่าปัญหาหนี้ยุโรปอาจลุกลามจากกรีซไปยังอิตาลี
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตือนว่า S&P อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า หากสถานการณ์ด้านหนี้สินของอิตาลียังคงถดถอย เช่นเดียวกับมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ที่ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ Aa2
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 18,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน ส่วนอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 9.2%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากโลหะที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรม รวมถึงพลาตินัมและพัลลาเดียม ร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า วิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวลงเศรษฐกิจสหรัฐอาจส่งผลให้ความต้องการโลหะลดน้อยลงด้วย
ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร
นักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในช่วงเย็นวันจันทร์ บริษัทอัลโค อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2