(เพิ่มเติม) DRT เริ่มทำตลาดโครงหลังคาเหล็ก H2/54,ลุ้นลูกค้าใหม่ปากีสถาน-ศรีลังกา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 12, 2011 12:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร(DRT) เปิดตัวสินค้าใหม่ โครงหลังคาเหล็กเริ่มทำตลาดครึ่งปีหลัง แต่ยอมรับผลประกอบการคงเทียบไม่ได้กับครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลปกติ อย่างไรก็ตาม บริษัทหวังว่าจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาจากประเทศปากีสถานและศรีลังกาภายในปีนี้

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมอาจลดลงเหล็กน้อยจากครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล โดยปกติรายได้ช่วงครึ่งปีหลังจะมีสัดส่วนราว 40% ของรายได้รวมทั้งปี

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมในปี 54 จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.3 พันล้านบาท

สำหรับนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาดำเนินการนั้น นายสาธิต มองว่าหากสามารถปฏิบัติได้จริงก็จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม ซึ่งบริษัทก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย

"นโยบายของรัฐบาลใหม่มีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ถ้าทำได้จริงเราก็คงจะได้รับผลบวกไปด้วย แต่ก็มีเรื่องที่กังวล คือการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ถ้าเกิดขึ้นจริงก็คงมีผลกระทบกับทุกองค์กร คิดว่าควรจะขึ้นแบบ step by step มากกว่า ปัจจุบันค่าแรงคิดเป็นต้นทุนของบริษัทไม่ถึง 10%"นายสาธิต กล่าว

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าโครงการเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% แม้จะมีมาร์จิ้นน้อยกว่าการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย แต่ปริมาณการขายแต่ละครั้งจะมากกว่า ขณะที่สัดส่วนยอดขายในต่างประเทศก็จะพยายามรักษาไว้ที่ 10% ซึ่งล่าสุดบริษัทเพิ่งกลับจากเวียดนาม หลังจากที่ได้เข้าไปพูดคุยกับลูกค้ารายใหม่

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าในตลาดใหม่ ๆ ทั้งปากีสถานและศรีลังกา โดยหวังว่าจะได้ข้อสรุปและเห็นคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาภายในปีนี้

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตร บริษัท แฮดเลย์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าจากเหล็กรีดของอังกฤษ เปิดตัวสินค้าใหม่โครงหลังคาสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์"ไดมอนด์ อัลต้า ทรัส"เริ่มทำตลาดครึ่งปีหลัง โดยตั้งเป้ามียอดขายภายในปีแรกที่ประมาณ 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 2 พันหลังคา น่าจะติดตั้งได้ประมาณ 200-300 หลังคา/เดือน และในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 600 หลังคา/เดือน

"เดิมเรามีกระเบื้องคอนกรีตอยู่แล้ว มีสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้รวม ตอนนี้มีสินค้าใหม่โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ซึ่งมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 6 พันล้านบาท เราตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ 100 ล้านบาท แม้จะมีราคาสูงกว่าสินค้าเดิม 3-5% หรือตกตารางเมตรละ 500 บาท แต่มีความคงทนและสามารถกันสนิมได้ดีกว่า เราก็คาดว่าตัวสินค้าใหม่จะช่วยเพิ่มยอดขายทางอ้อมให้กับตัวกระเบื้องหลังคาคอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังด้วย คาดยอดขายเติบโต 10-15% ขึ้นไป"นายสาธิต กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ