นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เปิดเผยว่า ทางผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายและบริษัทกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้น QTC ที่ 1.96-2.06 บาท/หุ้น พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ในกลุ่มเดียวกัน และสภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก
สำหรับราคาขายที่แน่นอนนั้นจะสรุปได้ในวันที่ 18 ก.ค.54 ก่อนจะเปิดเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 20-22 ก.ค. พร้อมทั้งคาดว่าจะเข้าทำการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ ภายในวันที่ 28 ก.ค.นี้ โดยมี FSS เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น (Lead underwriter) ร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS) , บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย), บล.เคที ซีมิโก้ และ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน)
QTC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดกลางที่มีความโดดเด่นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทเน้นการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสากล (World Class) และมีผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วนทั้งหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย (Distribution Transformer) และหม้อแปลงไฟฟ้าระบบกำลัง (Power Transformer) ผนวกกับโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปีตามแผนการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ
"มั่นใจว่า QTC จะเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมต่อการลงทุน"นายสมภพ กล่าว
ด้านนายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานกรรมการบริหาร QTC กล่าวว่า บริษัทตั้งใจที่จะดำเนินงานให้มีการเติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ เพราะนอกจากจะช่วยให้มีรายได้ที่มั่นคงแล้ว ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยที่ผ่านมาทางบริษัทฯมีรายได้เติบโตอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ ล่าสุดไตรมาส 1/54 มีรายได้ 110.70 ล้านบาท กำไร 5.49 ล้านบาท
“นักลงทุนน่าจะให้ความสนใจ และตอบรับการเปิดจองซื้อหุ้นของ QTC ตลอดไปจนถึงการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เพราะนอกจากพื้นฐานของบริษัทฯที่ดีแล้ว ภาวะการณ์ลงทุนที่ดีในขณะนี้จะช่วยให้หุ้นเป็นที่สนใจเพิ่มขึ้นด้วย" นายพูลพิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ หุ้นสามัญเพิ่มทุน QTC แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนจำนวน 45 ล้านหุ้น หรือ 22.50% ขณะที่ส่วนที่เหลือ 5 ล้านหุ้น หรือ 2.50% จะเสนอขายต่อกรรมการและพนักงานของบริษัทฯ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวบริษัทฯจะนำไปลงทุนสร้างอาคารสำนักงาน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต