นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า หากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เร็ว รวมทั้งตั้งทีมเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง และกำหนดนโยบายที่ชัดเจนออกมา ก็จะส่งผลบวกต่อต่อตลาดทุนของไทยเพิ่มขึ้น หลังจากตลาดตอบรับจากการที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งด้วยการปรับตัวขึ้นอย่างมาก
"ผมมองว่าเป็นบวกมากกว่า ถ้ามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อย่างที่ผ่านมาตลาดอื่นเขาตกไป 2% กว่าแต่ของเราตก 1%กว่าเอง" นายจรัมพร กล่าว
อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี้และภาวะเศรษฐกิจในแถบยูโรโซน ทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยลดลง และกว่าที่นักลงทุนจะกลับมาลงทุนคงช้ากว่าที่คิดไว้ คงต้องรอนานเป็นระดับสัปดาห์ เนื่องจากแนวโน้มปัจจัยภายนอกยังเป็นลบ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงนี้ก็ยังมีวอลุ่มซื้อขายเบาบาง เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าไปในตลาดพันธบัตรมา 3-4 เดือนแล้ว
ส่วนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)พรุ่งนี้ นายจรัมพร มองว่า จะไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อตลาดหุ้น เพราะตลาดรับรู้และคาดการณ์ไว้แล้วว่า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อดูแลการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ
"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้นไทยไม่มีกำไรนัก แต่ก็คาดว่าการลงทุนในพันธบัตรปัจจุบันแพงแล้วก็จะเป็นแรงฉุด คิดว่าความสนใจน่าจะทำให้กลับมาใหม่ แต่รอบนี้คิดว่าจะนานกว่าที่คิดไว้ อาจจะหนึ่งสัปดาห์หรือเป็น 10 สัปดาห์ก็ได้ จะที่คิดเป็นระดับวัน" นายจรัมพร กล่าว
กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตลท.ยังคงเป้าหมายปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปีนี้ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทำได้เกินเป้าแล้วที่ระดับ 30,800 บาท/วัน ขณะที่เป้าหมายมาร์เก็ตแคปของหุ้น IPO คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 1 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันเข้ามาแล้ว 4.7 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้น RO ที่วางเป้าหมายมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นอีก 4 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มได้ถึง 5.5 หมื่นล้านบาทแล้ว