นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพีออลล์ (CPALL) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะเติบโตจากครึ่งปีแรก เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสัญญาณการซื้อของผู้บริโภคเห็นตั้งแต่ปลายปีและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
ดังนั้น บริษัทยังเชื่อว่าปีนี้ยอดขายจะยังเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน และยังคงเดินหน้าในการขยายสาขา 450-500 สาขา/ปี โดยครึ่งปีแรกได้ขยายสาขาไปแล้ว 250 สาขา
นายสุวิทย์ กล่าวว่า มาตรการของภาครัฐที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท/วันน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก รวมถึงบริษัท เพราะจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ด้านต้นทุนของบริษัทที่จะต้องจ่ายค่าแรงให้กับพนักงานเพิ่มขึ้นไม่น่าจะกระทบมาก เพราะปัจจุบันจ่ายอัตราค่าจ้างสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ส่วนธุรกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบมากคงเป็นกลุ่ม SME ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางการที่ควรจะเข้าไปหามาตรการช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้นเพื่อนำมาชดเชยรายจ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้คงไว้ที่ 26% เท่ากับปี 53 เช่น เน้นการจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น เพราะเป็นสินค้ามีมาร์จินสูง รวมทั้งจะพยายามหาสินค้ามีมาร์จินสูงเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น
"เชื่อว่ายอดขายในปีนี้เราจะทำให้โตได้ไม่ต่ำกว่า 10% และแนวโน้มครึ่งปีหลังเท่าที่ดูน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่การปรับขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ภายใต้ค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้นยังไม่สามารถประเมินได้ในตอนนี้ แต่เท่าที่เห็นสินค้าบางชนิดปรับลงแล้วเช่น น้ำมันพืช"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดศูนย์กระจายสินค้าที่ลำพูนซึ่งเป็นการเปิดเพิ่มจากปีนี้ที่เปิดไปแล้ว 4-5 แห่ง โดยคาดว่าจะเปิดได้ปีในปี 55 ใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท