นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย)(SPPT)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะพิจารณาปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลงจากเดิมตั้งเป้าจะเติบโต 17-18% จากปีก่อนที่มีรายได้ 860 ล้านบาท เนื่องจากยอมรับว่าอาจทำได้ยาก แต่อย่างน้อยก็จะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อน
ทั้งนี้ แนวโน้มรายได้ไตรมาส 2/54 คงไม่ดีกว่าไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 177 ล้านบาท เพราะช่วงเดือนเม.ย.บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาสึนามิญี่ปุ่นทำให้ชิ้นส่วนในการผลิตสินค้าต่างๆ ขาดแคลน ทำให้โดยรวมอุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนลดลง 30% จากระดับปกติ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)จะเริ่มเข้ามาหลังเดือนมิ.ย.ไปแล้ว โดยในเดือน ก.ค.เป็นต้นไป สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ในไตรมาส 3/54 ให้ดีขึ้น
"season ของธุรกิจตอนนี้พูดยาก แต่ก่อน peak ในไตรมาส 4 แต่พอช่วงหลังอิงภาวะเศรษฐกิจเยอะทำให้ผันผวนมากขึ้น จากเดิมตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 17-18% จากปีก่อนที่ 860 ล้านบาท ตอนนี้คิดว่าลำบากแล้ว จึงมีการปรับเป้าทั้งปีลงเล็กน้อยเพราะสถานการณ์ไม่ค่อยดี"นายประพจน์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มครึ่งหลัง สินค้าที่บริษัทผลิตประเภท HDD ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ช่วงหลังยอดขายลดลงไปมากตั้ง แต่มีแฟลชไดร์ฟที่มีคุณภาพสูงขึ้นเข้ามาแทน และยังมีกระแสนิยมในแท็ปเล็ตมาแทนเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน๊ตบุ๊คมากขึ้น ซึ่งแท็ปเล็ตเหล่านี้ไม่ได้ใช้ HDD ทำให้เกิดผลกระทบพอควร
บริษัทจึงต้องเร่งหาธุรกิจอื่นเข้ามาเสริมด้ยการเพิ่มยอดขายธุรกิจอื่นมากขึ้น ซึ่งตามแผนปี 55 สัดส่วนรายได้จาก HDD จะเหลือ 50% จากปัจจุบัน 60% กว่า และจะไปเพิ่มสัดส่วนยอดขาย non HDD เพราะมีอนาคตดีกว่า และกำไรดีกว่า โดยปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้น HDD เหลือแค่ 17-18% จากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่ 20% กว่า
ทั้งนี้ ธุรกิจสำคัญที่จะเข้ามาเสริม เช่น อุปกรณ์การแพทย์ ชิ้นส่วนอากาศยาน และชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมกับการผลักดันบริษัทลูกให้มีรายได้มากขึ้น โดยในส่วนของชิ้นส่วนอากาศยานตอนนี้มีออร์เดอร์เข้ามาบ้างแต่ไม่มาก คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวม เพราะการเจรจาออร์เดอร์ชิ้นส่วนอากาศยานต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน
ด้านอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจากับซัพพลายเออร์ต่างประเทศ 2-3 รายที่ต้องการให้บริษัทผลิตสินค้านี้คืบหน้ากว่า 50-60% แล้ว คาดว่าจะจบในไตรมาส 3/54 ขณะนี้อยู่ในช่วงส่งสินค้าตัวอย่างไปให้ลูกค้า หากได้ 2-3 ดีลใหญ่นี้จะทำให้รายได้จากงานส่วนนี้ชัดเจนขึ้น หวังสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5-10% ของรายได้รวม และจะมีมาร์จิ้นดีกว่าสินค้า HDD โดยบริษัทเตรียมพร้อมไว้แล้วทั้งเครื่องจักรและมาตรฐาน ISO
นายประพจน์ กล่าวว่า ออร์เดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ขณะนี้กลับมาปกติแล้ว และบริษัทได้ส่งตัวอย่างไปแล้ว หากได้รับคำตอบกลัก็คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ปี 55 หรือปลาย 54 เพื่อใช้กับรถยนต์โมเดลใหม่ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนเล็กๆในเครื่องยนต์
“ธุรกิจใหม่ต้องใช้เวลา ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจหนึ่งไปอีกธุรกิจหนึ่งก็จะเจอปัญหาบ้าง แต่ครึ่งปีหลังนี้ไม่ได้กังวลมากถ้าเทียบครึ่งปีแรกกังวลมากกว่า มองแนวโน้มครึ่งปีหลังดีขึ้นเพราะออร์เดอร์ที่ชะลอในไตรมาส 2 ก็เริ่มเห็นแนวโน้มกลับมาในไตรมาส 3-4 แต่ก็ยังไม่วางใจเพราะตอนนี้มีเรื่องเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐที่กลัวว่าจะไม่ฟื้น ต้องลงทุนอย่างระมัดระวังเพราะภาวะเศรษฐกิจผันผวนขณะที่การเมืองบ้านเราต้องติดตามการจัดตั้งรัฐบาล"ประธานกรรมการบริหาร SPPT กล่าว
ส่วน บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ (SPEE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น รายได้เริ่มเข้ามาช่วยในบริษัทแม่แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/54 หลังรับงานภาครัฐที่หัวหิน โดยลูกค้ายืนยันการจ่ายเงินเข้ามาในเดือนนี้ แต่ยังไม่ทราบจำนวนขึ้นอยู่กับการส่งมอบงานในแต่ละไตรมาส จากมูลค่างานทั้งหมด 120 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี