โบรกฯเชียร์"ซื้อ"BIGC ค้าปลีกกำไรโตกว่าตลาด/รับประโยชน์รวมคาร์ฟูร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 13, 2011 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC)มองเป็นหุ้นตัวหนึ่งในกลุ่มค้าปลีกที่ปี 54-55 กลุ่มค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าตลาดฯ ตอบรับกำลังซื้อที่จะมีมากขึ้น จากนโยบายของภาครัฐบาลใหม่ โดยคาดการณ์ว่ากำไรของกลุ่มค้าปลีกในปีนี้จะเติบโต 22% ส่วนปีหน้าจะเติบโต 15-16%

สำหรับปัจจัยพื้นฐานของ BIGC จะได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการกับคาร์ฟูร์แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/54 แต่จะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 3/54 ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคาร์ฟูร์ก็ได้ลดลงในไตรมาส 2/54 และจะหมดไปในไม่ช้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Loyalty Fee, ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับผู้บริหารของคาร์ฟูร์ ตอนนี้ก็เริ่มทยอยกลับประเทศกันเกือบหมดแล้ว

นอกจากนี้ มองว่าปีนี้ BIGC จะมีมาร์จินที่ดีขึ้นจากการวมกิจการกับคาร์ฟูร์แล้ว และปีนี้ BIGC ยังได้เพิ่มสาขาอีก 3 แห่ง พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ในช่วง 3,708-3,473 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,887 ล้านบาท

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ         ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          JP Morgan             Overweight         134.00
          RBS                   ซื้อ                 110.00
          บล.เอเชีย พลัส          ซื้อ                 120.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ     ซื้อ                 118.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)    ซื้อเก็งกำไร          116.00
          บล.ไทยพาณิชย์           ซื้อ                 115.00
          บล.กสิกรไทย            ซื้อ                 105.00

นายกวี มานิตสุภวงษ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น BIGC ล่าสุดปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 120 บาท จากเดิม 106 บาท เนื่องจากมองว่าปี 54-55 กลุ่มค้าปลีกให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดโดยรวม เป็นผลจากกำลังซื้อที่มีมากขึ้นจากรัฐบาลที่มีเสถียภาพ ทำให้คาดการณ์ว่ากำไรของกลุ่มค้าปลีกปีนี้จะเติบโต 22% ขณะที่กำไรของตลาดฯจะเติบโต 20% ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรของกลุ่มค้าปลีกจะเติบโต 15-16% ขณะที่กำไรของตลาดฯจะเติบโตแค่ 7%

สำหรับปัจจัยพื้นฐานเห็นได้ว่า BIGC ได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการกับคาร์ฟูร์แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/54 แต่จะเห็นผลชัดเจนในไตรมาส 3/54 ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคาร์ฟูร์ก็ได้ลดลงในไตรมาส 2/54 และจะหมดไปในไม่ช้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Loyalty Fee, ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับผู้บริหารของคาร์ฟูร์ ตอนนี้ก็เริ่มทยอยกลับประเทศกันเกือบหมดแล้ว

อีกทั้ง BIGC จะมีอำนาจในการต่อรองได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ สาขาบางแห่งก็จะมีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น BIGC Extra ซึ่งจะเป็นห้างที่ขายสินค้าแบรนด์เนมพวกอาหารกระป๋อง เป็นสินค้าที่มาจากบริษัทแม่"คาสิโน"จากฝรั่งเศส ส่วนนี้จะทำให้ BIGC มีมาร์จินที่ดีขึ้น และปีนี้ BIGC ก็มีการเพิ่มสาขาอีก 3 แห่ง

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 3,708 ล้านบาท เติบโต 28% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,887 ล้านบาท

น.ส.นลิน วิริยะเสถียร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)มองว่า BIGC จะได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการกับคาร์ฟูร์ตั้งแต่ไตรมาส 2/54 เป็นต้นไป และจะเห็นภาพชัดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคาร์ฟูร์ได้หมดไปแล้วในครึ่งปีแรก การรวมกิจการกับคาร์ฟูร์ครั้งนี้ก็จะทำให้มาร์จินของ BIGC ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/54 ด้วย

อีกทั้งภายหลังรวมกับคาร์ฟูร์แล้วก็ทำให้ BIGC สามารถที่จะแข่งขันทางธุรกิจกับรายใหญ่อย่างเทสโก้ได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังน่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ ในแง่ของกำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้น แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้รวมในประมาณการในขณะนี้ เพราะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 3,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,887 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น BIGC เนื่องจากราคาปัจจุบันได้ขยัยขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 116 บาท/หุ้นแล้ว ทั้งนี้ BIGC ปีนี้ยังคงมีกำไรเติบโตดีตามปกติ เริ่มเห็นกำไรจาคาร์ฟูร์เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/54 แต่จะเห็นกำไรฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 3/54 เนื่องจากการรวมกิจการกับคาร์ฟูร์เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

"ที่จริง BIGC รวมกิจการกับคาร์ฟูร์เสร็จสิ้น มิ.ย.ที่ผ่านมา และกำไรจะเริ่มขยับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/54 แต่ในไตรมาส 2/54 จะยังเห็นไม่เยอะ แต่จะเห็นกำไรเยอะขึ้นในไตรมาส 3/54"นักวิเคราะห์ฯ กล่าว

นอกจากนี้ BIGC ยังจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของภาครัฐฯด้วยในเรื่องการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน อีกทั้ง BIGC ยังมีการขยายสาขา 3-4 สาขาต่อปี คาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 3,398 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,887 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ