ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่จากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการเฟดกำลังพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงมาตรการ QE3 หากเศรษฐกิจเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.7% ปิดที่ 269.94 จุด ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก 0.68% แตะที่ 1,099.09 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 93.73 จุด หรือ 1.31% ปิดที่ 7,267.87 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,163.09-7,280.16 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสดีดขึ้น 19.15 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 3,793.27 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,748.48-3,800.87 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนหลังจากเบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทยว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการ หรือ QE3 หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2554 ขยายตัว 9.5% ขณะที่ผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 14.3% และยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 16.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองโลหะเงินรายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 5.6% หุ้นคาซัคมิส ปิดบวก 4% และหุ้นแรนโกลด์ ซีซอสเซส ปิดบวก 4.3%
รายงานระบุว่าการประมูลพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการตามแผนลดการใช้จ่าย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายจากความกังวลในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่าอิตาลีอาจจะเป็นประเทศต่อไปที่จะเผชิญกับปัญหาหนี้