AGEลั่น 3ปีรายได้แตะหมื่นลบ.-เร่งหาเหมืองเพิ่ม,ม็อบค้านถ่านหินไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 14, 2011 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอเชีย กรีน เอ็นเนอร์จี(AGE) คาดรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาทเร็วขึ้นจาก 5 ปี เป็น 3 ปี หรือภายในปี 56 หลังดำเนินงานปีแรกรายได้กำไรพุ่ง ปีนี้ปรับเป้าจากเดิมคาดรายได้โต 80% มองปีหน้าเป็นปีสดใส หลังเจรจาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นหลายราย ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ปีหน้าเตรียมลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียแห่งที่ 2 มีปริมาณสำรอง 10 ล้านตัน

นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควส์"ว่า รายได้ของบริษัทเชื่อว่าจะแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 56 เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะทำได้ในปี 58 เป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่องทั้งในจีนที่ยังมีความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังมีแผนส่งถ่านหินไปที่ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ในปีหน้าด้วย

“คิดว่ายอดขายของเราน่าจะแตะ 1 หมื่นล้านบาทได้เร็วขึ้นจากเดิมเป็นแผนระยะ 5 ปี ตอนนี้เหลือแค่ 3 ปี ตอนนี้โจทย์ใหม่ของเราคือการหา supply ปีหน้าเราจะทำเหมืองใหญ่ขึ้นปริมาณถ่านหินเกิน 10 ล้านตัน"นายพนม กล่าว

นายพนม กล่าวว่า ในปี 54 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 5 พันล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 80% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.2 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจะมีอัตรการเติบโตที่สอดคล้องกับรายได้ ส่วนอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1-2% จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนคงที่ แต่มียอดขายเพิ่มขึ้น

ในไตรมาส 2/54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้นเล็กน้อย จากไตรมาส 1/54 ที่มีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท และไตรมาส 4/54 จะเป็นช่วงที่รายได้และกำไรสุทธิ สูงที่สุดของปีนี้ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้จีนจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น

ส่วนปี 55 บริษัทก็ มองว่าน่าจะเป็นปีที่สดใสของบริษัท โดยคาดว่าจะมีรายได้เป้า 7,000 ล้านบาท หรือเติบโต 40-50% จากปี54

ขณะเดียวกัน บริษัทต้องเพิ่ม supply รองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งหลังจากปีนี้บริษัทได้เข้าร่วมทุนเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ที่มีปริมาณสำรอง 1-2 ล้านตัน โดยการถือหุ้นมากกว่า 50% และปี 55 บริษัทจะเข้าร่วมทุนในเหมืองถ่านหินแห่งที่ 2 โดยมีขนาดใหญ่ขึ้น มีปริมาณสำรองที่ 10 ล้านตัน โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50-80% ขณะเดียวกันยังมองการลงทุนเหมืองถ่านหินในประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้ง นิวซีแลนด์ มาเลเซีย แต่ยังไม่มีข้อสรุปในระยะใกล้นี้

นายพนม กล่าวอีกว่า ภายในปีนี้บริษัทยังมีแผนเปิดบริษัทลูกในประเทศอินโดนีเซียเพื่อเป็น stock pipe ดำเนินธุรกิจจัดหา supply ตามแหล่งเหมืองใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัท โดยมีเป้าหมายจัดหาแหล่งถ่านหินเพิ่มขึ้น 5 หมื่นตัน/เดือน หรือ 6 แสนตัน/ปี รองรับความต้องการในตลาด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

*ม็อบต่อต้านคลังถ่านหินในสมุทรสาครกระทบน้อย-ไม่มีผลต่อยอดขาย

สำหรัการชุมนุมประท้วงให้หยุดการขนถ่ายถ่านหินทุกประเภทในทะเลปากอ่าวสมุทรสาคร และแม่น้ำท่าจีนของชาวสุมทรสาครวานนี้ นายพนม กล่าวว่า มีผลกระทบต่อบริษัทน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไม่ได้ขนถ่ายถ่านหินในท่าเรือที่มีปัญหา แต่จะเป็นการขนส่งผ่านทางอื่น ซึ่งทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย และบริษัทได้มีการปรับราคาขายกับลูกค้า ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบยอดขายของบริษัท ซึ่งปัจจุบัน ยอดขายประเภท retail คิดเป็น 20% ของยอดขายรวม และเป็นการขายในพื้นที่สมุทรสาครประมาณ 10%

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าแห่งใหม่ และจัดทำสถานที่เก็บถ่านหินในระบบปิด ซึ่งจะทำให้ถ่านหินไม่ฟุ้งกระจายสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านได้ โดยการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในต้นปี 55 ซึ่งหลังจากนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอีก

"ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว เพราะมีผู้ประกอบการบางรายยังไม่ยอมปรับปรุง แต่ของเราทำตามเกณฑ์หมด และตอนนี้เริ่มสร้างโรงเก็บถ่านหินเป็นระบบปิด ซึ่งเรื่องนี้เคยหารือกับทางกรรมาธิการแล้วก็เห็นดีด้วย...ท่าเรือนี้เราไม่ได้ใช้หลายเดือนแล้ว" นายพนม กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากชาวบ้านในพื้นยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับถ่านหินที่กังวลว่าอาจจะมีผลกระทบเหมือนเหมืองลิกไนต์ ดังนั้น บริษัทจึงได้มีการสร้างโรงเก็บถ่านเห็นเป็นระบบปิดนำร่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ดำเนินการตาม ดังนั้น เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่รุนแรงถึงขั้นต้องปิดโรงงาน เพราะการประกอบธุรกิจจะต้องมีขั้นตอนต่าๆง ก่อนจะได้รับใบอนุญาตจากทางการอย่างถูกต้อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ