ตลท.แนะจับตาทีมศก.-นโยบายรัฐบาลใหม่ ห่วงกระทบภาพรวม-ผลประกอบการ บจ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 14, 2011 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรไท สันติประภพ รองผู้จัดการสายงานวางแผนกลยุทธองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัจจัยที่น่าสนใจหลังการเลือกตั้ง คือทีมเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ เนื่องจากหลายนโยบายจากการหาเสียงช่วงการเลือกตั้งของพรรรคการเมืองต่าง ๆ อาจจะกระทบการเติบโตเศรษฐกิจ และกำไรของ บจ.ได้ ทั้งการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล การปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ การปรับขึ้นราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำมองว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีมากที่สุด ขณะที่เชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้ บจ.ต้องมีการปรับตัว เช่น การย้านฐานการลงทุน

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้มีความกังวลกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเชื่อว่าในที่สุดจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เห็นได้จากผลการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ตลาดหุ้นที่ปรับลดลงช่วงนี้มาจากแรงเทขายของต่างชาติจากความกังวลปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและจีน และช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ที่เข้าสู่ฤดูร้อนของยุโรป ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายการลงทุนไม่คึกคักจนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ที่ส่งผลต่อตลาดเข้ามา

นายวีรไท มองว่าสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทย โดยวัดสัดส่วนมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ถือว่าตลาดหุ้นไทยยังมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นมูลค่ามากกว่า 30,807.93 ล้านบาท และมีหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องสูงถึง 24 หลักทรัพย์ อยู่ในระดับใกล้เคียงตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มีหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงถึง 27 หลักทรัพย์ สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน และสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นเป็น 23% จากปีก่อนอยู่ที่ 17%

"ช่วงที่นักลงทุนต่างชาติขายมาก เกิดจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกในช่วงไตรมาสสอง โดยเฉพาะเดือน พ.ค.พบว่าต่างชาติขายสุทธิเป็นส่วนใหญ่ในภูมิภาค แต่ขายมากสุดในไทย เพราะนอกจากปัญหาความกังวลของกรีซแล้ว แต่เรามีปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง"นายวีรไท กล่าว

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/54 ตลาดหุ้นไทยยังคงมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสุดในภูมิภาคติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 นับจากเดือน พ.ย.53 โดยอยู่ที่ระดับ 3.70% ขณะที่ ตลาด mai อยู่ที่ 2.80%

นายวีรไท กล่าวอีกว่า การแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม โดยหวังให้นโยบายดังกล่าวนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วง ต.ค.-พ.ย.54 หลังจากเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระ 2-3 เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.และสภาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ