ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 54.49 จุด หลังปธ.เฟดดับหวัง QE3

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 15, 2011 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เปลี่ยนแปลงท่าทีเกี่ยวกับการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำว่าเฟดไม่ได้กำลังพิจารณาที่จะใช้มาตรการ QE3 อย่างทันทีทันใด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 54.49 จุด หรือ 0.44% แตะที่ 12,437.12 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 8.85 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 1,308.87 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 34.25 จุด หรือ 1.22% แตะที่ 2,762.67 จุด

ตลาดเปิดขยับขึ้น หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. ลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 405,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และเป็นการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านายจ้างในสหรัฐเลิกจ้างพนักงานลดลง

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนที่แล้ว เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของยอดขายรถยนต์ โดยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 3.878 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนพ.ค. และเพิ่มขึ้น 8.1% จากปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ปรับตัวขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ ในช่วงเปิดตลาด ดัชนีหุ้นสหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายวิตกหนี้ยุโรปลงบ้าง หลังจากที่วานนี้ วุฒิสภาอิตาลีมีมติด้วยคะแนน 161 ต่อ 135 เสียง อนุมัติแผนงบประมาณรัดเข็มขัดซึ่งมีเป้าหมายเพื่อปรับลดหนี้สาธารณะและรักษาสถานะการคลัง รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับตลาดโลกในช่วงเวลาที่วิกฤตหนี้กำลังแผ่ปกคลุมทั่วยุโรป

อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวลงทันทีที่นาย เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในระหว่างแถลงรายงานต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่สองว่า ณ จุดนี้ เฟดไม่ได้เตรียมการที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอีก

ถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้ได้ทำลายความหวังของนักลงทุนและตลาดที่ว่าสหรัฐอาจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอีก หลังจากประธานเฟดเพิ่งแถลงต่อสภาคองเกรสในวันพุธ หรือก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวว่า ธนาคารกลางพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม หรือ QE3 หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง เช่นแรงกดดันที่เกิดจากภาวะเงินฝืด

นักวิเคราะห์กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าถ้อยแถลงของนายเบอร์นันเก้มีเป้าหมายที่จะสกัดกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจใช้มาตรการ QE3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวถูกจุดปะทุขึ้นจากถ้อยแลงของประธานเฟดเองเมื่อวันพุธ

นอกจากนั้น ตลาดวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยลบจากการที่เมื่อช่วงค่ำวันพุธ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับสูงสุดที่ AAA โดยระบุว่ามูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า รัฐสภาสหรัฐจะไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางได้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 2 ส.ค.นี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

ขณะเดียวกัน แรงขายทำกำไรมีส่วนกดดันให้ดัชนีปรับตัวลงเช่นกัน

ทั้งนี้ แม้การรายงานผลประกอบการบริษัทเอกชนจะออกมาดีเกินคาด แต่ก็แทบไม่ได้ช่วยพยุงตลาด

เจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของสหรัฐ รายงานผลกำไรไตรมาสสองดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 2%

ขณะที่หุ้นกูเกิล ซึ่งปิดอ่อนตัวลงในช่วงเวลาการซื้อขายปกติ ได้กลับมาทะยานขึ้นแข็งแกร่งในการซื้อขายนอกเวลาทำการ เมื่อบริษัทเสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่เปิดเผยรายได้และกำไรที่เหนือความคาดหมาย

โคโนโคฟิลลิปส์ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของสหรัฐเผยว่า จะแตกบริษัทออกเป็นสอง โดยบริษัทหนึ่งจะเป็นผู้ผลิตน้ำมัน และอีกบริษัทจะแยกไปทำธุรกิจโรงกลั่น ซึ่งนักลงทุนขานรับแผนการนี้

ยัม แบรนด์ เจ้าของร้านอาหารฟาสต์ฟูดชื่อดังอย่าง พิซซ่า ฮัท และเคเอฟซี บวก 1.4% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสสองดีเกินคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มตลอดทั้งปี เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ

ส่วน แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ ร่วง 6.6% หลังเครือโรงแรมดังปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดทั้งปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ