ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) หลังจากที่กูเกิลและซิตีกรุ๊ปเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ช่วยกลบความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้สินของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 42.61 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 12,479.73 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.27 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 1,316.14 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 27.13 จุด หรือ 0.98% แตะที่ 2,789.80 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ เอสแอนด์พี เตือนว่ามีโอกาส 50% ที่อันดับความเชื่อถือของสหรัฐจะถูกปรับลดจากระดับสูงสุดที่ AAA ในช่วงสามเดือนจากนี้ หากรัฐสภาสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลได้
ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนกรกฏาคม ก็ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 โดยดัชนีของธอมสัน รอยเตอร์ส/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 63.8 จุดในเดือนกรกฎาคม จากระดับ 71.5 จุดในเดือนมิถุนายน ซึ่งสวนทางกับที่เคยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 72.5 จุด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อตลาด
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของหลายบริษัทที่ออกมาดีเกินคาดช่วยหนุนตลาดให้ปิดในแดนบวก
ซิตีกรุ๊ป รายงานว่า บริษัทมีกำไรสุทธิทะยาน 24% ในไตรมาส 2 แตะที่ระดับ 3.3 พันล้านดอลลาร์ จากรายได้ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเหนือความคาดหมายของตลาด ขณะที่กูเกิลมีรายได้ 9.03 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ทะยานขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรอยู่ที่ 2.51 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 36% จากปีที่แล้ว