(เพิ่มเติม1) TISCO มั่นใจปีนี้สินเชื่อโตกว่า 20%, เจรจาซื้อพอร์ตสินเชื่อหลักพันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 18, 2011 14:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดีหลังผลการเลือกตั้งมีความชัดเจน ซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อธุรกิจขยายตัวได้ดี ตามภาวะการลงทุนภาคเอกชนที่มีต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อรายย่อยก็คาดว่าตลาดรถยนต์จะกลับมาขยายตัวได้ตามปกติ

ประกอบกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มทิสโก้จะช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 20% จากเดิมตั้งเป้าสินเชื่อ 15-20% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกภาพรวมสินเชื่อขยายตัวแล้ว 16.9%

ขณะเดียวกันมองการแข่งขันด้านเงินฝากใน่ช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีอย่างต่อเนื่องและรุนแรง แต่น่าจะเห็นเพียงในระยะสั้น โดยมองอัตราดอกเบี้ยในตลาดคงทยอยปรับค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากฯ จะมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งธนาคารทิสโก้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยลูกค้าของธนาคารได้ย้ายไปฝากในรูปตั๋วแลกเงิน

นางอรนุช คาดว่า ส่วนต่างดอกเบี้ย(สเปรด)ของ TISCO ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เนื่องจากธนาคารมีสินเชื่อรายย่อยค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน มองว่าอัตราดอกเบี้ยในตลาดกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะปกติ หลัง 2 ปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารสูงขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ และตามกลยุทธ์ธุรกิจโดยสินเชื่อธุรกิจและ สินเชื่อรถเก่า ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนรายได้ของธนาคารจะมาจากรายได้จากดอกเบี้ย 60% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 40%

ในไตรมาส 2/54 กลุ่มทิสโก้มีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) อยู่ที่ 1.6% ซึ่งปีนี้ก็จะเน้นระมัดระวังความเสี่ยงในอนาคตระยะ 12 เดือนข้างหน้า

นางอรนุช กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้ธนาคารทิสโก้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อหลักพันล้านบาท แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งราคาและเงื่อนไขอื่น ขณะเดียวกัน ได้มีการเจรจาการปล่อยสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่หลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้เช่นกัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TISCO กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้คงขยายตัวในระดับกลาง ๆ มีอัตราการเติบโตไม่สูงเท่าปี 53 แต่เป็นการเติบโตในลักษณะปกติที่เศรษฐกิจอยู่ในระดับดีทั่วไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุน และการขยายสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ขณะที่ปัญหาหนี้สินในประเทศกรีซ แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เชื่อว่ากลุ่มสหภาพยุโรปคงต้องให้ความช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามไปประเทศอื่น

ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมนำกฎเกณฑ์บาเซิล 3 มาใช้กำกับดูแลสถาบันการเงินไทย เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบ เนื่องจากสถาบันการเงินไทยแข็งแกร่งมาก มีการเตรียมตัวมาตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 โดยที่สภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับดี

สำหรับการเมืองหลังการเมืองตั้ง หลังจากผ่านพ้นด้วยดี มองความเสี่ยงทางการเมืองลดลง เพราะการเลือกตั้งที่มีคะแนนเสียงออกมาชัดเจน แต่หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและต่างประเทศได้มากน้อยแค่ไหน หากสถานการณ์การเมืองนิ่งการลงทุนจากต่างชาติจะกลับเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ด้านนโยบายประชานิยม มองว่ารัฐบาลใหม่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะหากพิจารณาไม่ดีอาจส่งผลกระทบได้ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน หากจะดำเนินการคงต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี

"เชื่อว่านโยบายต่างๆ รัฐบาลใหม่ต้องอยู่อย่างรอบคอบ เพราะเมื่อเป็นนโยบายหาเสียง การพูดจะเป็นทางเดียว แต่ในทางปฏิบัติคงต้องดูให้รอบคอบ...หวังว่ารัฐบาลใหม่คงถูกใจประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารุนแรงอีกมีอะไรก็น่าจะคุยกันได้" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม TISCO กล่าว

ด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า การแข่งขันระดมเงินฝากครึ่งปีหลังยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาธนาคารรัฐเข้ามาแข่งขันในตลาดเงินฝาก ซึ่งการแข่งขันไม่ได้เกิดจากปัญหาสภาพคล่องในระดับต่ำ เพราะสภาพคล่องในระบบมีมากกว่า 2 ล้านล้านบาท แต่เป็นการเร่งระดมเงินเพื่อใช้ในอนาคตที่จะมีการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารจะเน้นการออกตั๋วแลกเงินเพื่อระดมเงินฝาก ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างเงินฝากของะนาคารอยู่ที่ 22% และตั๋วแลกเงินอยู่ที่ 78% ดังนั้นแม้สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือน ส.ค.54 ไม่ได้มีผลกระทบต่อธนาคารและลูกค้ามากนัก

ส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในไตรมาส 2/54 ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อเอสเอ็มอี แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดรถยนต์มีปัญหาในการผลิตก็ตาม และในช่วงไตรมาส 3/54 เชื่อว่าค่ายผลิตรถยนต์จะกลับมาผลิตรถยนต์ได้ตามปกติ ซึ่งจะทำให้สินเชื่อรถยนต์ของธนาคารขยายตัวได้มาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ