SCB เผย Q2/54 กำไรสุทธิ 8.1 พันลบ.เพิ่มขึ้น 53%จากปี 53,NPL ลดเหลือ 2.69%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 19, 2011 16:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/2554 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหลังจากมีผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์ของภาคธุรกิจการเงินมาแล้วในไตรมาสที่ 1/2554

ปัจจัยหลักขับเคลื่อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากการที่สินเชื่อขยายตัวถึง 21.1% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่ม 36.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะจากรายรับประกันภัย คุณภาพสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 โดยมาอยู่ที่ 2.69% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิ ที่ 21.18 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

"ความสามารถในการทำกำไรที่สูงอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงศักยภาพของธนาคารที่จะเดินต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดีแม้ในสภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ อันเป็นผลมาจากการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนรวมถึงการมียุทธศาสตร์ในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับโครงสร้างการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับโอกาสที่เกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับความสามารถในการแข่งขันที่เด่นชัดจากการเป็นธนาคารที่ให้บริการการเงินที่ครบวงจรชั้นนำของประเทศ" นายวิชิต กล่าว

โดยไตรมาส 2/2554 รายได้ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 29.7% มาอยู่ที่ระดับสูงถึง 12.6 พันล้านบาท การเพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูงถึง 21.1% เทียบกับไตรมาส 2/2553 ทั้งนี้ การขยายตัวของสินเชื่อที่สูงกว่าตลาดโดยรวมมาจากการขยายตัวกระจายไปใน 3 กลุ่มหลัก (กลุ่มธุรกิจ SME กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อรถยนต์) นับเป็นการเติบโตที่โดดเด่นและสูงกว่าระดับปกติ

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นถึง 36.4% เทียบกับไตรมาส 2/2553 จากการเติบโตอย่างมากของรายได้จากการรับประกันอันเป็นผลจากการเข้าซื้อ บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIF) ในไตรมาสก่อนหน้า

คุณภาพสินทรัพย์ มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นไตรมาส 2/2554 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.69% อันเป็นระดับต่ำสุดหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจาก 110.6% ณ สิ้นไตรมาส 1/2554 มาอยู่ที่ 114.5% ณ สิ้นไตรมาส 2/2554 สินเชื่อด้อยคุณภาพใหม่ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำที่ 0.13% ในไตรมาสนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ