(เพิ่มเติม) BAY คงเป้าสินเชื่อโต 11%, NPL เหลือ 4%, NIM 4.38-4.44%, ค่า FEE โต 12%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 20, 2011 13:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงศรีอยุธา(BAY) คงเป้าปี 54 สินเชื่อเติบโตในระดับ 11% ลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)เหลือ 4% ภายในสิ้นปีนี้ จากสิ้นไตรมาส 2/54 อยู่ที่ 4.7% ดอกเบี้ยรับสุทธิ(NIM)อยู่ที่ 4.38-4.44% รายได้ค่าธรรมเนียม(FEE) ขยายตัว 12%

ขณะที่ธนาคารได้ตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาด้านไอที บุคลากร และปรับภาพลักษณ์(รีแบรนดิ้ง) พร้อมทั้งมีแผนขาย NPL ราว 5 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/54 และยังไม่ปิดโอกาสซื้อกิจการเพิ่ม แต่ขณะนี้ไม่มีดีลที่กำลังเจรจาอยู่ในมือ

นายมาร์ค อาร์โนลต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BAY กล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโตที่ 11% จากครึ่งปีแรกที่สินเชื่อเติบโต 4% ซึ่งยังสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.8% โดยช่วงครึ่งปีหลังมองว่าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเอสเอ็มอีจะเติบโตได้มากขึ้น

ขณะเดียวกันจากการที่มีการเลือกตั้งผ่านพ้นไป การดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่น่าจะผลักดันให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าประเทศมากขึ้นจากเศรษฐกิจโลก ทั้งสหรัฐและยุโรปที่ไม่ดี ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดลง และทำให้มีเงินไหลเข้าประเทศมากขึ้น ดังนั้นจึงมองว่าสินเชื่อของธนาคารจะเร่งตัวมากกว่าครึ่งปีแรก

"ในช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อในตลาดเติบโตถึง 15% และเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตมากขึ้น แม้ยังประเมินไม่ได้ว่าจะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน แต่น่าจะเร่งตัวมากกว่าครึ่งปีแรก ส่วนนโยบายในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี ขั้นต้นที่ 15,000 บาท ไม่ได้กระทบต่อแบงก์" นายมาร์ค อาร์โนลต์ กล่าว

ทั้งนี้ธนาคารคาดว่า NPL สิ้นปี 54 จะลดลงจาก 4.7% ในช่วงครึ่งปีแรก เหลือ 4% โดยในไตรมาส 3/54 ธนาคารเตรียมขาย NPL จำนวน 5,000 ล้านบาท จากไตรมาส 2/54 ที่ขาย NPL แล้ว 1,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการบริหารจัดการหนี้เสียเพื่อให้ NPL ลดลงได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง NPL ที่ลดเหลือต่ำกว่า 5% ถือเป็นความสำเร็จของธนาคาร และทำให้ภาระการกันสำรองหนี้เสียของธนาคารลดลงด้วย ส่วน NIM คาดว่าสิ้นปี 54 จะลดลงเล็กน้อยจากครึ่งปีแรกที่อยู่ 4.5% เหลือ 4.38-4.44% และรายได้ค่าธรรมเนียมตั้งเป้าเติบโต 12%

นายมาร์ค อาร์โนลต์ กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมองการแข่งขันในการระดมเงินฝากยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ซึ่งตลาดโดยรวมน่าจะเน้นเป็นการออกตั๋วบีอีมากขึ้น โดยมุ่งเป้าหมายลูกค้าทุกกลุ่มทั้ง ลูกค้าบุคคล Corporate และ SMEs ทั้งนี้ในช่วง 67 วันที่ผ่านมา มีสภาพคล่องเข้ามาที่ธนาคารกว่า 50,000 ล้านบาท และหลังการเลือกตั้งจะยังใช้ความได้เปรียบดึงสภาพคล่องเข้ามาเพิ่มอีกต่อเนื่อง สำหรับการซื้อกิจการขณะนี้ธนาคารยังไม่มีแผนหรือมีการเจรจาซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก แต่ไม่ได้ปิดโอกาส หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการซื้อกิจการค่อนข้างมากแล้ว

และในปีนี้ ธนาคารได้จัดงบลงทุนจำนวน 1,800 ล้านบาท ในการพัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบเทคโนโลยี และการปรับภาพลักษณ์ธนาคาร โดยมีเป้าหมายในการเป็นธนาคารอันดับ 1 ที่ลูกค้าเลือกใช้ เป็นกลุ่มการเงินที่เป็นผู้นำ ร่วมสมัย มีการให้บริการที่ง่ายและจริงใจ ภายใต้ "กรุงศรีกรุ๊ป" ซึ่งสาขาได้มีการปรับโฉมไปแล้ว 56 แห่ง และภายในสิ้นปีนี้จะดำเนินการเพิ่มให้ครบ 600 แห่ง และจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ