(เพิ่มเติม) บลจ.ทหารไทย ตั้งเป้า AUM สิ้นปี 54 แตะ 1.4 แสนลบ.,ปี 55 เพิ่มเป็น 1.5 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 20, 2011 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.ทหารไทย ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ณ สิ้นปี 54 สูงขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาท และในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท โดยการออกกองทุนในระยะนี้จะเน้นไปที่การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเป็นหลัก

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ณ สิ้นปี 54 เพิ่มเป็น 1.4 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ 1.28 แสนล้านบาท โดยเป็นไปตามการเติบโตของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และกองทุน LTF และ RMF ที่จะมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆพื้นตัว สถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความชัดเจน จึงน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

โดยกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังจะเน้นให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการทำธุรกรรมกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ, การส่งเสริมกิจกรรมการตลาดควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้และข่าวสารอันมีประโยชน์แก่ผู้ลงทุน รวมทั้งการนำเสนอกองทุนใหม่ๆซึ่งมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

"ช่วงครึ่งปีหลังเรามองว่ากองพันธบัตรเกาหลีใต้ได้ทยอยครบกำหนดไถ่ถอน ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับราคาที่ค่อนข้างสูง และบางช่วงอาจมีความผันผวน ดังนั้นเราจึงมีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น ลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศต่างๆทั่วโลกที่มีความแข็งแกร่ง"นายสมจินต์ กล่าว

ล่าสุด บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ "กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล" ซึ่งจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือกองทุน Templeton Global Bond Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนโดยเฉลี่ยในรอบระยะเวลาบัญชี และจะมีการจ่ายปันผลให้ผู้ลงทุนไม่เกินปีละ 4 ครั้ง โดยกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 26 ก.ค.-5 ส.ค. 54

นอกจากนี้บริษัทก็มีแผนออกกองทุนใหม่ๆเพิ่มเติมตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การออกกองทุนที่มีลักษณะของการคุ้มครองเงินต้น เพื่อรองรับมาตรการยกเลิกการค้ำประกันเงินฝากของภาครัฐ รวมถึงการออกกองทุนพันธบัตรต่างประเทศอื่นๆ ซึ่งจากแผนการกองออกทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่องนี้ บริษัทคาดว่าจะทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท ภายในปี 55

นายสมจินต์ กล่าวถึง ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ว่ายังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังปัจจัยการเมืองในประเทศมีความชัดเจน และคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเติบโตดี ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง เห็นได้จากการแข็งค่าของเงินบาท

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เฉลี่ยประมาณ 12-14 เท่า และมีอัตราเงินปันผลที่ราว 3%เศษ ซึ่งมองว่าเป็นอัตราที่สมเหตุสมผลต่อการลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว สำหรับปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งปีหลังได้แก่ ภาวะหนี้สินในยุโรป, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในทั่วโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ