นายลาภทวี เสนะวงษ์ กรรมการผุ้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทาสตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่าบริษัท คาดว่า ในงวดปี 54/55 (เม.ย.54-มี.ค.55) จะยังมีผลขาดทุน แต่จะลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 976 ล้านบาท และคาดว่ารายได้งวดปี 54/55 จะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 2.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ราคาขายเหล็กในปีนี้จะยังทรงตัวจากปีก่อน
บริษัทกำลังพิจารณาลดการจำหน่ายสินค้าบางชนิดที่ไม่ทำกำไร โดยจะจ้างที่ปรึกษามาศึกษาการทำตลาดสินค้าของบริษัทใหม่ทั้งหมด เพื่อจะขยับอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นจากปีก่อนที่ติดลบ โดยสินค้าบางชนิดอาจจะต้องลดการขายหรืออาจจะงดขาย เพราะหากขายจะยิ่งทำให้บริษัทเกิดผลขาดทุนมากขึ้น
"ในงวดไตรมาส 1/54 (เม.ย-มิ.ย.54) แนวโน้มน่าจะดีขึ้น และก็จะเริ่มดูดีขึ้นเรื่อยๆ...เรากำลังดูว่าตัวไหนขายแล้วไม่ทำกำไร ก็จะชะลอไปก่อน บอร์ดกำลังหาที่ปรึกษามาดูรายละเอียด" นายลาภทวีกล่าว
เหตุผลที่บริษัทจะยังขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนการผลิตสูงจากโรงเตาหลอม 2 ของบมจ.เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป (NTS)ซึ่ง TSTH ถือหุ้น 99.66% โดยวัตถุดิบทั้งสินแร่เหล็ก(Iron Ore) และถ่านโค้กที่มีราคาสูง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคาปร้บตัวขึ้นไป 150% ทั้งนี้ บริษัทกำลังหาวัตถุดิบสองชนิดนี้จากแหล่งที่มีราคาถูกลง ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และผลิตสินค้าเกรดพิเศษมากขึ้น และมีความหลากหลายมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเหล็กที่ป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์
อีกทั้งในเดือน ก.ค.นี้บริษัทจะเปิดตัวแบรนด์สินค้าเหล็กก่อสร้างของบริษัท ชื่อ"TATA Tiscon" ซึ่งต่อไปจะเป็น Global Brand ส่งขายทั่วโลก และจะเปิดตลาดค้าปลีกในประเทศมากขึ้น จะทำให้โอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น และมีทิศทางจะส่งออกเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนส่งออกสัดส่วน 12% ของรายได้
TSTH มีบริษัทย่อย 3 แห่ง ได้แก่ NTS ซึ่งผลิตเหล็กเส้นเหล็กลวด กำลังการผลิต 8 แสนตันต่อปี , บริษัท เหล็กสยาม (2001) (SISC) ถือหุ้น 99.99% ผลิตเหล็กลวด 2.3 แสนตันต่อปีและเหล็กรูปพรรณ 1.7 แสนตันต่อปี และ บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด (SCSC) ถือหุ้น 99.99% ผลิตเหล็กเส้น 5 แสนตันต่อปี รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 1.7 ล้านตันต่อปี