นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยประกอบกับความพร้อมของธนาคารในด้านต่างๆ ทำให้ผลประกอบการของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นมิถุนายน 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 2,011,857 ล้านบาท ธนาคารและบริษัทย่อยสาหรับไตรมาส 2 ปี 2554 มีกำไรสุทธิ 7,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 937 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.5 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 619 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิสาหรับงวดครึ่งปีสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 จำนวน 13,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,104 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ภาวะเศรษฐกิจเอื้ออานวยและลูกค้ามีความต้องการขยายธุรกิจ ธนาคารจึงสามารถให้การสนับสนุนและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม นอกจากนี้ ความใกล้ชิดกับลูกค้ายังทาให้ธนาคารสามารถประเมินความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ธนาคารสามารถเสนอบริการทางการเงินต่างๆ แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล" นายชาติศิริ กล่าว
และจากการขยายตัวของภาคส่งออก การเพิ่มขึ้นของการบริโภคภายในประเทศ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชนส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อมีมากขึ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 สินเชื่อของธนาคาร มีจานวน 1,363,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เทียบกับสินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการขยายกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่และวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม
ใน 6 เดือนแรกของปี 2554 ธนาคารสามารถระดมเงินฝากได้เพิ่มขึ้น 76,323 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 ทำให้เงินฝากรวม ณ 30 มิถุนายน 2554 อยู่ที่ 1,470,711 ล้านบาท สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นมิถุนายน 2554 มีจานวน 45,288 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.9 ของสินเชื่อรวม โดยในไตรมาส 2 ปี 2554 ธนาคารได้ตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สูญอีกจำนวน 1,536 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ร้อยละ 166.5
ในไตรมาส 2 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจานวน 13,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน ตามอัตราดอกเบี้ยและปริมาณธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุท (NIM) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.76 เทียบกับร้อยละ 2.55 ของไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 2.61 ของไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ มีจำนวน 4,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าธรรมเนียมจากบริการบัตรเครดิต บริการอิเล็กทรอนิกส์ บริการด้านค้าประกันและอาวัล และบริการเกี่ยวกับสินเชื่อ ขณะที่ค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นตามปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น
ธนาคารมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนจานวน 762 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกาไรจากหุ้นที่ได้รับจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เป็น 20,427 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เป็น 8,791 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดาเนินงานในไตรมาสนี้ลดลงจากร้อยละ 43.4 เป็นร้อยละ 43.0 มีกำไรจากการดาเนินงานก่อนหักสำรองและภาษีเงินได้จานวน 11,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 696 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.4 จากไตรมาส 2 ปี 2553
ธนาคารดำรงเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ถ้านับรวมกำไรสุทธิสาหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เข้าเป็นเงินกองทุนของธนาคาร อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นและเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 16.5 และร้อยละ 13.2 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีจานวน 236,322 ล้านบาท และมูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 123.8 บาทต่อหุ้น