ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองลดลงอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐ แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดเผยว่าการเจรจาในเรื่องดังกล่าวมีความคืบหน้าก็ตาม ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท แอปเปิล อิงค์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 15.51 จุด หรือ 0.12% แตะที่ 12,571.91 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.89 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 1,325.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 12.29 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 2,814.23 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.ของสหรัฐปรับตัวลง 0.8% สู่ระดับ 4.77 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.9% สู่ระดับ 4.90 ล้านยูนิตต่อปี โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดขายบ้านมือสองลดลงเกินคาดมาจากจำนวนการยกเลิกการทำสัญญาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคไม่มั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงาน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงซบเซาเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ แม้โอบามาเปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในประเด็นการปรับเพดานหนี้และลดยอดขาดดุลงบประมาณมีความคืบหน้าอย่างมากก็ตาม และแม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐลง 6 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลอีก 2.4 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ โอบามาเตือนว่า สหรัฐเหลือเวลาอีกไม่มากนักเนื่องจากกำหนดเส้นตายของการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในวันที่ 2 ส.ค.กำลังใกล้เข้ามา โดยสหรัฐมีหนี้สินชนเพดานที่ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐอาจจะต้องผิดนัดชำระหนี้หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 2 ส.ค.
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้สหรัฐได้บดบังผลประกอบการที่สดใสของบริษัท แอปเปิล อิงค์ โดยเมื่อวานนี้ แอปเปิ้ลว่า รายได้สุทธิประจำไตรมาส 3 ปี 2554 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 มิ.ย.อยู่ที่ 7.31 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.79 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับ 3.25 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.51 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 5.84 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากแอปเปิลสามารถทำยอดขายไอโฟนได้ 20.34 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 142% เมื่อเทียบกับปีก่อน และทำยอดขายไอแพดได้ 9.25 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 183% เมื่อเทียบปีต่อปี
นักลงทุนจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มผู้นำยูโรโซนในวันพฤหัสบดีนี้ โดยประเด็นหลักของการประชุมในครั้งนี้คือ การพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบสองกับกรีซ และหารือกันเรื่องความมั่นคงทางการเงินในเขตยูโรโซนทั้งหมด
นักวิเคราะห์มองว่า การประชุมฉุกเฉินของผู้นำอียูซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดกระแสความวิตกกังวลของตลาดนั้น อาจจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ หลังจากที่กรีซได้รับความช่วยเหลือรอบแรกไปแล้วกว่า 1.10 แสนล้านยูโร (1.56 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อปีที่แล้ว
หุ้นแอปเปิลทะยานขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นซิลโลว์ ซึ่งเป็นผู้บริหารเว็บไซต์ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 79% ในการซื้อขายวันแรก
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนมิ.ย., ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ