บมจ.บ้านปู(BANPU) คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะออกมาดีกว่าปีก่อนที่ทำได้กว่า 9 พันล้านบาท ตามราคาขายเฉลี่ยในปีนี้ที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ยเกิน 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยในครึ่งปีแรกอยู่ที่ราว 90 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ในครึ่งปีหลังมีโอกาสที่ราคาถ่านหินจะพุ่งขึ้นเหนือ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะคาดว่าแนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดจะทรงตัวในระดับสูงจากปัจจุบบันอยู่ที่ 120 เหรียญ/ตัน รวมทั้งปริมาณผลิตและขายสูงขึ้นจากปีก่อนโดยในปีนี้ บริษัทจะบันทึกผลประกอบการจาก Centennial ในออสเตรเลียได้เต็มปีด้วย
ดังนั้น ผลจากแนวโน้มราคาถ่านหินจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ประกอบกับปริมาณการผลิตถ่านหินของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากรายการพิเศษจากการขายหุ้น บมจ.ราชบุรีโฮลิดิ้ง และหุ้น ITM ในอินโดนีเซีย รวมมีกำไรประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีนี้บริษัทมีกำไรจากการขายเหมืองต้าหนิงที่จีนประมาณกว่า 6 พันล้านบาท
"กำไรสุทธิปีนี้ไม่ถึง 2.4 หมื่นล้านบาท เพราะปีก่อนมีกำไรพิเศษจากการขาย RATCH กับ ITM แต่กำไรจาก operating จะดีกว่าปีก่อน"นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าว
นายชนินท์ คาดว่า ปริมาณการผลิตถ่านหินในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเหมืองในอินโดนีเซียมีความพร้อมผลิตใน ก.ค.นี้ กำลังเครื่องจักรต่างๆ ค่อนข้างดี แม้ว่าทั้งปีปริมาณการผลิตอาจพลาดเป้าไปเล็กน้อยเหลือ 24 กว่าล้านตัน จากเป้า 25 ล้านตัน ส่วนในออสเตรเลียคาดว่าจะผลิตทั้งปีได้ 15.5 ล้านตัน
สำหรับในจีนที่บริษัทยังคงมีหุ้นอยู่ในเหมือง 2 แห่ง คือ เหมืองเหอปี้คาดว่าผลิตได้ 1.5 ล้านตัน ส่วนเหมืองเกาเหอ มีความล่าช้าอยู่มาก โดยปีนี้ผลิตได้ในครึ่งปีหลังได้ผลผลิตจากการพัฒนาหน้าเหมืองประมาณ 7.5 แสนตัน แต่คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในปี 55 ก็จะสามารถผลิตได้เต็มกำลังที่ 3 ล้านตัน รวมผลผลิตถ่านหินทั้งหมดปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 3 แสนตัน จากเป้าหมาย 42 ล้านตัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวยอมรับว่าโอกาสในการเข้าไปซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียทำได้ลำบากมากขึ้น เพราะมีคนต้องการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการหาแหล่งที่ได้ผลตอบแทนในการลงทุนดีน้อยลง อย่างไรก็ตาม ITM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในอินโดนีเซียมองหาจังหวะเข้าซื้อที่เหมาะสม ขณะที่ในออสเตรเลียคาดว่าจะไม่มีการลงทุนใหญ่ แต่อาจจะมีโครงการที่อยู่รอบๆโครงการของ Centennial นอกเหนือจากที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนเบื้องต้นที่มองโกเลีย
"ในช่วงนี้ก็ดูเท่านี้ก่อน เชื่อว่าปริมาณสำรองที่จะประกาศใหม่จะเพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้ จากที่ได้สำรวจเพิ่มเติมในอินโดนีเซียในปีนี้"นายชนินท์ กล่าว