ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือกรีซครั้งใหม่ ซึ่งรวมถึงการให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในสหรัฐมีความคืบหน้ามากขึ้นอีก และรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของมอร์แกน สแตนลีย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 152.50 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 12,724.41 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.96 จุด หรือ 1.35% ปิดที่ 1,343.80 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 20.20 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 2,834.43 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบใหม่กับกรีซ โดยเยอรมนีและฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในยุโรปและเป็นแกนนำในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับนานาประเทศในยูโรโซน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวสูงขึ้นอีกในช่วงบ่าย ขานรับข่าวที่ว่า ที่ประชุมฉุกเฉินของผู้นำยุโรปมีมติให้ความช่วยเหลือด้านการเงินรอบที่ 2 สำหรับกรีซ ด้วยวงเงินรวม 1.09 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน ผู้นำยุโรปมีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินต้นให้กับกรีซ เหมือนกับที่เคยให้ไอร์แลนด์และโปรตุเกสมาแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำยุโรปยังเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ให้สามารถจัดหาเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาด้านการเงินก่อนที่จะเกิดวิกฤติ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะถอนรากถอนโคนปัญหาหนี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 2.04% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีเกินคาด ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 11% ขณะที่ Keefe Bruyette & Woods ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการธนาคารระบุว่า ในบรรดาธนาคาร 30 แห่งที่มีการเปิดเผยผลประกอบการนั้น มีธนาคารถึง 24 แห่งที่มีผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นอินเทลปรับตัวลง 1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปีนี้ ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ปร่วงลง หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรจากยอดขายระบบปฏิบัติการวินโดว์สลดลง อันเนื่องมาจากยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอินเทลสามารถดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 54 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สูงกว่าความคาดหมายของวอลล์สตรีท ที่คาดว่ากำไรต่อหุ้นของอินเทลจะอยู่ที่ 51 เซนต์/หุ้น
หุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ระดับโลก ปรับตัวขึ้นกว่า 4% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2553 ขณะที่หุ้นยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป (ยูพีซี) พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาส 3 เนื่องจากอัตราค่าระวางขนส่งปรับตัวสูงขึ้น