"ในไตรมาส 2/54 ยังบอกไม่ได้ว่ากำไรจะเป็นอย่างไร เพราะในแง่ volume สูงขึ้น แต่มาร์จิ้นลดลง...แม้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองจะปรับขึ้นเป็น 55 บาทช่วงเดือน เม.ย.ก็ทำให้มาร์จิ้นเราดี แต่เป็นแค่ช่วงแรก เพราะเมื่อราคาน้ำมันปาล์มลดลง การขายก็เป็นไปตามกลไกตลาด"นายวิบูลย์ กล่าว
แนวโน้มไตรมาส 3/54 ราคากากถั่วเหลืองในประเทศจะปรับสูงขึ้น โดยขณะนี้ราคาได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% จากไตรมาส 2/54 เช่นเดียวกับทิศทางราคากากถั่วเหลืองต่างประเทศ มาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การเพาะปลูกในสหรัฐล่าช้ากว่าปกติ 1-2 สัปดาห์ ทั้งข้าวโพด และถั่วเหลือง ทำให้ซัพพลายตึงตัว ขณะที่ตลาดอเมริกาใต้ที่ผ่านพ้นไปครึ่งฤดูการผลิตมี supply น้อยลง และเกษตรกรไม่เร่งขายผลผลิต นอกจากนี้โรงสกัดในอาร์เจนตินาเริ่มชะลอการผลิต เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว และมีการใช้เชื้อเพลิงที่แพงขึ้น และโรงสกัดในสหรัฐได้หยุดซ่อมบำรุงประจำปี
นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทไม่มีแผนทบทวนเป้าหมายธุรกิจในปีนี้ โดยยังมั่นใจว่าปริมาณขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าเติบโต 10-15% ขณะที่จะพยายามรักษามาร์จิ้นให้ใกล้เคียงปีก่อน ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกทั้งปัญหาวิกฤติหนี้สินในยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้จนกว่าจะขยายเพดานการก่อหนี้