ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 43.25 จุดแคทเทอร์พิลลาร์เผยกำไรน้อยเกินคา

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday July 23, 2011 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากบริษัทแคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ผู้ผลิตเครื่องจักรด้านการก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก ได้รายงานผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยี และการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นค้าปลีกเพื่อผู้บริโภคช่วยหนุนดัชนี S&P 500 ปิดบวกด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 43.25 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 12,681.16 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.22 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 1,345.02 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 24.40 จุด หรือ 0.86% แตะที่ 2,858.83 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.3 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนเกือบ 1 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากแคทเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีน้ำหนักมากเป็นอันดับสองในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 44% ในไตรมาสสอง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์อยู่เกือบ 7%

ผลประกอบการของแคทเทอร์พิลลาร์ถือเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เนื่องจากบริษัทมีการจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ทั่วโลก ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของแคทเทอร์พิลลาร์ออกมาน้อยเกินคาดนั้น เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่น ทั้งนี้ ผลประกอบการที่น้อยเกินคาดได้ฉุดหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ร่วงลงเกือบ 6%

ผลประกอบการที่น้อยกเกินคาดของแคทเทอร์พิลลาร์ ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐถือเป็นปัจจัยลบที่สกัดแรงบวกในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของสหรัฐ หากรัฐสภาสหรัฐไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนวันที่ 2 ส.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส หรือ เอเอ็มดี พุ่งขึ้น 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสสอง ขณะที่หุ้นแซนดิส คอร์ป ปิดพุ่ง 10% และหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ปิดบวก 1.6%

ไมโครซอฟท์ คอร์ป ผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่สุดของโลก เปิดเผยว่ากำไรสุทธิในไตรมาสซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน อยู่ที่ 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.737 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่าไมโครซอฟท์จะมีกำไรเพียง 58 เซนต์/หุ้น จากรายได้ 1.723 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เว็บไซต์สืบค้นข้อมูล "บิง" ของไมโครซอฟท์ ยังครองส่วนแบ่งในตลาดสืบค้นข้อมูลสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี

ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มค้าปลีกเพื่อผู้บริโภค โดยหุ้นอเมซอนปิดบวก 2% หุ้นแมคโดนัลด์ปิดบวกกว่า 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาดทั้งในยุโรป ส่วนหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ในกลุ่มพลังงานทะยานขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการขุดเจาะน้ำมันในอเมริกาเหนือ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ