ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวผู้นำยุโรปประกาศให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสอง พร้อมอนุมัติใช้มาตรการต่างๆเพื่อป้องกันการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะ และพยายามควบคุมการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3842.70 จุด บวก 25.95 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7326.39 จุด บวก 36.25 จุด และดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 35.13 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 5,935.02 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ประชุมผู้นำยูโรโซนมีมติให้ความช่วยเหลือกรีซรอบที่ 2 เป็นวงเงินทั้งสิ้น 1.09 แสนล้านยูโร โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมวิกฤติหนี้ในยูโรโซน พร้อมกับเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนในการแก้ปัญหาหนี้กรีซโดยสมัครใจ โดยประมาณการว่า ภาคเอกชนจะช่วยรับภาระการแก้ปัญหาหนี้กรีซมูลค่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้วางแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายระยะเวลาที่กรีซจะชำระคืนเงินต้นให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ออกไปเป็นอย่างน้อย 15-30 ปี จากปัจจุบัน 7.5 ปี อีกทั้งยังเห็นชอบให้กองทุน EFSF ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาด้านการเงินก่อนที่จะเกิดวิกฤติ รวมทั้งอนุญาตให้ใช้เงินทุนช่วยเหลือของ EFSF เพื่อเพิ่มทุนแก่ธนาคาร และแทรกแซงตลาดพันธบัตรรอง ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายที่จัดการกับต้นตอของปัญหาหนี้ และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำยูโรโซนอนุญาตให้กองทุน EFSF ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว
หุ้นกลุ่มธนาคารรายใหญ่ของกรีซทะยานขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ เอสเอ พุ่งขึ้น 9.4% หุ้นพิเรอุส แบงก์ เอสเอ ทะยานขึ้น 12% หุ้นอีเอฟจี ยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ พุ่งขึ้น 12% และหุ้นอัลฟา แบงก์ เอสเอ ดีดตัวขึ้น 19%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารของประเทศอื่นๆปรับตัวขึ้น หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สประกาศเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปขึ้นสู่ระดับ "market weight" จากระดับ "underweight" โดยหุ้นบังโค เอสปริทโต ซานโต เอสเอฟ ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นเดเซีย เอสเอ ปรับตัวขึ้น 3% หุ้นโวดาโฟน ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 1.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4%
หุ้นอีซีเจ็ท สายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่อันดับสองของยุโรปทะยานขึ้น 18% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปีนี้จะสูงขึ้น หลังจากยอดจองตั๋วเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นถึง 20% ขณะที่หุ้นไรอันแอร์ ดีดขึ้น 4.8% หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.2%
หุ้นวอลโวพุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.12 พันล้านโครเนอร์ (803 ดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากความต้องการรถยนต์วอลโวในยุโรปและอเมริกาเหนือแข็งแกร่งขึ้น