นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม โกลด์อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับราคากองทุนทองคำกองทุนแรกของประเทศไทย โดยมีช่วงการเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 25 — 29 กรกฏาคม 2554 มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท กองทุนมีนโยบายเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR® Gold Trust กองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า GLD
จุดเด่นของกองทุน GLD คือ ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามกองทุนรวมหลักที่มุ่งสะท้อนราคาทองคำ Spot Gold หลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน โดยให้ความคล่องตัวในการซื้อขายแบบ Real Time ตามราคาในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคาต่อหน่วยคิดเป็นเงินเพียงประมาณ 2 บาทเศษ และสามารถทราบราคาซื้อขายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอราคาปิดสิ้นวันเหมือนกองทุนรวมทองคำอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมั่นใจกับการมีบริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัทในเครือห้างทองฮั่วเซ่งเฮง ที่มีประสบการณ์และความน่าเชื่อถือในธุรกิจทองคำกว่า 60 ปีเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าจากการเฝ้าติดตามการเติบโตการลงทุนทองคำในตลาดโลก เห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีและนักลงทุนในประเทศก็ให้ความสนใจที่จะลงทุนในทองคำเป็นอย่างมาก โดยตลาดหลักทรัพย์ฯเองก็จะร่วมลงทุนในกองทุน GLD นี้ด้วย ซึ่งการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟทองคำกองแรกของประเทศไทยโดยบลจ. กรุงไทย ในครั้งนี้ คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดความสนใจลงทุนในหลักทรัพย์ที่อ้างอิงกับราคาทองคำ รวมถึงสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ
นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า เชื่อว่ากองทุนนี้จะเป็นมิติใหม่ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนในกองทุนทองคำมีความสะดวก คล่องตัวในการซื้อขายมากยิ่งขึ้นกว่ากองทุนรวมทองคำในรูปแบบเดิมๆ และพิเศษสุดสำหรับผู้ลงทุนที่ซื้อขาย GLD ผ่านบริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์สในตลาดหลักทรัพย์ สามารถแจ้งความจำนงกับบริษัทเพื่อรับค่าขายคืนเป็นทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.50% น้ำหนักขั้นต่ำ 50 บาทจากห้างทองฮั่วเซ่งเฮงได้ ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมจากการรับค่าขายคืนเป็นเงินโอนเข้าบัญชีทั่วไป
สำหรับราคาทองคำในตลาดที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเกือบเดือนที่ผ่านมานั้น นอกเหนือจากเหตุที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจด้านต่างๆที่มีมากขึ้นแล้ว ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯที่อาจเปลี่ยนใจมาออกนโยบายเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ หรือ QE3 หลังจากการขยายวงกว้างของวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป รวมถึงความเสี่ยงที่สหรัฐฯจะถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำทะยานเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากวิกฤติหนี้สาธารณะยังคงลุกลามต่อเนื่อง ราคาทองคำก็คาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป